อิมามอะลี อิบนุ ฮูเซน อัล-ซัจญาด (อ) กับการพลิกฟื้นอีหม่าน และเปลี่ยนแปลงอัคลากของสังคม

อิมามอะลี อิบนุ ฮูเซน อัล-ซัจญาด (อ) กับการพลิกฟื้นอีหม่าน และเปลี่ยนแปลงอัคลากของสังคม

 

 

บางส่วนจากการบรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี

 คลังวิชาการแห่งฟากฟ้า
:ชีอะฮ์ที่แท้จริง คือ บุคคลที่ค้นหาความรู้ บุคคลที่เพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวเองตลอดเวลา ชีอะฮ์มิใช่พวกที่ใช้ชีวิตอยู่กับความโง่เขลา
 มีมนุษย์จำนวนมาก ได้เปลี่ยนแปลงอากีดะฮ์ เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาทั้งหมด ด้วยกับบางบทดุอาอฺที่มีอยู่ใน “ซอฮีฟะตุสซัจญาดียะฮฺ” ของท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน(อ.) เรามีคลังวิชาการถึงขนาดนี้ มีหนังสือซอฮีฟะตุสซัจญาดียะฮฺ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมในยุคนั้น !
เมื่อท่านอิมามจะไปที่ใด ท่านก็จะทำการอ่านดุอาอฺ ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานที่และเวลา เช่น เมื่อท่านไปเยี่ยมทหาร ท่านก็จะอ่านบทดุอาอ์เกี่ยวกับทหาร เพื่อที่ทหารจะได้เข้าใจว่าหน้าที่ของการเป็นทหารที่แท้จริง หน้าที่ของการเป็นทหารแห่งอิสลามนั้นเป็นอย่างไร และหลังจากนั้น ดุอาต่างๆจึงถูกนำมารวบรวม
ดังนั้น แสดงให้เห็นว่า ท่านอิมามได้ออกเดินทางอบรมสั่งสอนผู้คนในทุกรูปแบบ เพื่อจะพลิกฟื้นสภาวะในยุคนั้น เพราะในยุคนั้น เป็นสภาวะที่เกือบเข้าสู่ความหายนะอย่างสมบูรณ์ นอกจากนั้น ท่านอิมามก็ได้แสดงอัคลากเป็นแบบอย่างโดยตรง และยังใช้วิธีการอื่นๆอีกมากมาย

สิทธิของบุพการีในดุอาของอิมามซัจญาด(อ.)
ดุอาอฺอีกบทหนึ่งเป็นการขอดุอาอฺให้กับพ่อแม่ ชื่อว่า “ดุอาอฺให้กับพ่อแม่” แต่เมื่อเราเข้าไปศึกษาในรายละเอียดของบทดุอาอฺ กลับเป็น “สิทธิของพ่อแม่” ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกจะต้องรู้ ในขณะที่พวกเราบางคน บางครั้งอยู่ด้วยกันทุกวัน จนไม่รู้จักพ่อแม่ ไม่เคารพพ่อแม่ ภาษามลายู เรียกว่า อยู่แบบ Kurang Ajar [ไม่ได้รับการสั่งสอน] อยู่แบบไม่ถึงสอน เพราะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับวิธีต่างๆ เหล่านี้ บรรดาอะอิมมะฮฺได้สั่งสอนสิ่งเหล่านี้ (สิทธิของพ่อแม่) ในบทดุอาอฺของซอฮีฟะตุสซัจญาดียะฮฺ มีเรื่องราวของสิทธิของพ่อแม่ และในวิธีการปฏิบัติ ท่านอิมามก็ได้แสดงแบบให้ดูอย่างครบถ้วน — เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นมุสลิม และอิสลามแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องสมบูรณ์
นอกจากนี้ ยังมีบทดุอาอฺว่าด้วยการขอดุอาอฺให้กับเพื่อนบ้าน ถามว่า การใช้ชีวิตของพวกเรา เคยคิดถึงเพื่อนบ้านกันบ้างไหม ? แม้แต่คนในบ้าน บางครั้งเรายังซอเล็มเขาเลย แล้วเราจะคิดถึงเพื่อนบ้านได้อย่างไร? ฉะนั้นลองไปอ่านดูว่า บทดุอาอฺดังกล่าวที่ขอให้กับเพื่อนบ้านนั้นเป็นอย่างไร…
 วิชาการแห่งการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
คืนนี้ เรามารู้จักกับท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ.) ในมุมของวิชาการที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้ เราเคยคิดถึงไหม ?
สิทธิของเพื่อนบ้านในคำสอนอิสลาม
แน่นอน ถ้าคนที่เคยดุอาอฺให้เพื่อนบ้านในที่ลับได้ เราไม่ต้องถามเลยว่า ในที่แจ้งเขาจะทำอะไรให้กับเพื่อนบ้านได้บ้าง เพราะดุอาอฺในที่ลับ เราไม่ได้ขยับปากแล้วนึกในใจ ทว่าเราต้องมีความรักที่บริสุทธิ์ต่อเพื่อนบ้าน เมื่อเกิดขึ้นในหัวใจของเราแล้ว เราจึงสามารถที่จะอ่านดุอาอฺได้ แน่นอน ชีวิตหลังจากดุอาอฺ ถ้าไม่มีใครละทิ้งเพื่อนบ้าน ก็จะไม่มีใครกดขี่เพื่อนบ้าน จะไม่มีใครอยู่ โดยไม่ทราบข่าวว่า เพื่อนบ้านเป็นอย่างไร เพราะการอยู่แบบไม่ทราบข่าวว่า เพื่อนบ้านเป็นอย่างไรนั้น บางกรณีอาจทำให้กลายเป็นกาเฟรได้ง่ายๆเหมือนกัน
ตัวอย่างเรื่องราวจากอาเล็มอุลามา
วันหนึ่ง มีบุคคลหนึ่งมาขอความช่วยเหลือจากมัรเญียะอฺท่านหนึ่ง ซึ่งท่านเป็นทั้งมัรเญียะอฺและเป็นอารีฟด้วย หลังจากสืบสวนก็ทราบว่า บุคคลนี้ มีบ้านอยู่ใกล้ๆกับบ้านของลูกศิษย์เอกของท่านคนหนึ่ง
เขามีฐานะยากจน ต้องอดยาก และไม่มีอะไรจะกิน จนวันหนึ่งได้มาขอความช่วยเหลือจากท่าน เมื่อท่านทราบ จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับพูดว่า แถวนั้นมีลูกศิษย์ฉันอยู่ !!!
จากนั้นจึงเรียกลูกศิษย์มาถามว่า ‘เจ้าอยู่อย่างไร ถึงปล่อยให้เพื่อนบ้านไม่มีจะกิน!!!’ ศิษย์เอกคนนี้ จึงบอกว่า ‘วัลลอฮี ! ผมไม่รู้เลย’ เขาได้ย้ำและตอบกลับอารีฟท่านนั้นอีกว่า ‘วัลลอฮี ! ผมไม่รู้เลย’
อารีฟท่านนั้น จึงกล่าวว่า ‘อัลฮัมดุลิลละฮฺ (โชคดี) ที่เจ้าไม่รู้ แต่ถ้าหากเจ้ารู้ แน่นอนเจ้าเป็นกาเฟรไปแล้ว’
ความเป็นมุสลิมไม่ใช่เพียงแค่นมาซก้มๆเงยๆ เพียงอย่างเดียว ความเป็นมุสลิมจะต้องเคารพสิทธิต่างๆอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิทธิของพ่อแม่ สิทธิของเพื่อนบ้าน สิทธิของคนที่อยู่ในบ้าน สิทธิของคนป่วย หรือสิทธิอะไรต่อมิอะไรก็ตาม…
 บทดุอาควบคู่แบบฉบับ
ในหนังสือ “ซอฮีฟะตุสซัจญาดียะฮฺ” ของท่านอิมามซัลนุลอาบีดีน(อ) ไม่ใช่มีเพียงแต่บทดุอาอฺ แม้นแต่ในภาคปฏิบัติของท่าน ถ้าเราสามารถเข้าไปดู ในรายละเอียดทั้งหมด
ตัวอย่าง(1): อัคลากอันสูงส่งที่มีต่อมารดา
ในหนังสือได้มีดุอาอฺแห่งพ่อแม่ แต่ในภาคปฏิบัติก็มีแบบอย่างจากท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ)ให้ศึกษา เราจะยกภาคปฏิบัติการร่วมรับประทานอาหารของท่านอิมามกับมารดาของท่าน [เป็นตัวอย่างแบบฉบับ]
รายงานบันทึกว่า ทุกครั้งเมื่อได้รับประทานอาหารร่วมกับมารดาของท่าน ท่านจะไม่หยิบอาหารก่อน ท่านจะนั่งและหยิบอาหาร หลังจากที่มารดาหยิบแล้วเท่านั้น เมื่อถูกถามว่า ทำไมทำอย่างนี้? ท่านตอบว่า… “ฉันไม่ต้องการที่จะไปหยิบอาหารที่มารดาของฉันตั้งใจจะหยิบ ฉันจะหยิบหลังจากที่ท่านหยิบแล้ว” และนี่คืออัคลากในภาคปฏิบัติ นี่คือข้อปฏิบัติที่จะบอกว่า สามารถพลิกหมดทุกอย่าง ท่านมีอัคลาคต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ตัวอย่าง(2): อัคลากอันสูงส่งที่มีต่อสรรพสัตว์
และอีกเหตุการณ์หนึ่ง ในขณะที่ท่านอยู่บนเตียง ภายหลังจากวันที่ท่านโดนยาพิษของ ฮิชาม บิน อับดุลมาลิก (ลน.) ฮะดิษนี้รายงานโดยท่านอิมามบากิร(อ) บุตรชายของท่านได้บอกว่า…
ในขณะอยู่บนเตียง อิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ได้มีคำสั่งเสียอย่างมากมาย และหนึ่งในคำสั่งเสีย ท่านได้กล่าวว่า… ‘โอ้ลูกรักของพ่อ จงระวังการเอาคืนในวันกิยามัต การเอาคืนในวันกิยามัตนั้น มันหนักหน่วงเสียเหลือเกิน’ … ‘จงรู้ไว้เถิด มันหนักหน่วงจนถึงขั้น พ่อกลัวการเอาคืนจากอัลลอฮฺ(ซ.บ)’  จากนั้น ท่านอิมามได้ชี้ไปยังอูฐที่อยู่นอกบ้าน… ‘อูฐตัวนี้ ฉันใช้ขี่ขณะประกอบพิธีฮัจญ์ จากมะดีนะฮฺ-มักกะฮฺ ถึง 20 ปี ลูกรู้ไหม พ่อไม่เคยตีมันแม้แต่ครั้งเดียว เพราะพ่อไม่รู้ว่าอัลลอฮฺ(ซ.บ) จะเอาคืนกับพ่อไหม ในการเฆี่ยนอูฐ 1 ครั้ง’
ดังนั้น เมื่อหันมาดูตัวเรา พวกเราบางคน นึกจะด่าใครเราก็ด่า นึกจะว่าใคร เราก็ว่า นึกจะกดขี่ใคร เรากดขี่ นึกจะตบใคร เราตบ นึกจะแช่งใคร เราก็แช่ง นึกจะฟิตนะฮฺใคร เราฟิตนะฮฺ ..เพราะอะไร…? เพราะเราไม่รู้ว่าการเอาคืนในวันกิยามัต นั้นมันหนักหน่วงขนาดไหน…..!!!
ฉะนั้น จงรู้ไว้การกระทำที่ไม่ระมัดระวัง การพูดที่พล่อยๆ อะไรต่างๆที่ออกมาจากพวกเราได้อย่างง่ายดายนั้น เป็นเพราะเราไม่มีมะอฺริฟัต เป็นเพราะในวันกิยามัต เราไม่รู้ถึงการเอาคืนของอัลลอฮ์(ซ.บ)
ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ.)กล่าวว่า ฉันกลัวถึงขั้นไม่กล้าตีอูฐแม้แต่สักครั้งเดียว เพราะไม่รู้ว่า อัลลอฮฺ(ซบ) จะเอาคืนกับฉันหรือไม่ในการตีอูฐหนึ่งครั้ง — แน่นอนคำสอน มีฮิกมะฮฺที่ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก แม้นแต่การกระทำกับสัตว์ บางครั้งก็จะถูกคิดบัญชี และการกระทำกับมนุษย์ล่ะ มันจะหนักหน่วงสักขนาดไหน???
 ยุทธวิธีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงสังคม
ในหมวดอัคลาค ก็มีเรื่องราวต่างๆอย่างมากมาย ที่ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ)นั้นพลิกฟื้นอีมาน พลิกฟื้นศรัทธาขึ้นมาในตลอดระยะเวลา 35 ปี ที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นอิมาม นอกจากนั้น ท่านอิมามอยู่ในสภาวะและร่วมยุคสมัยกับผู้ปกครองเลวที่สุดในประวัติศาสตร์ของศาสนา
คอลีฟะฮฺคนแรกที่เลวที่สุดหลังจากท่านอิมามรับตำแหน่งคือ ยะซีด อิบนิ มุอาวียะฮฺ(ลน) คือ ยะซีด ลูกของ มุอาวียะฮฺ(ลน) หลังจากยะซีด(ลน) อับดุลมาลิก บิน มัรวาน(ลน) ถัดมาก็เป็น มัรวาน ฮิกัม(ลน)ซึ่งเป็นบุคคลที่นบี(ศ็อลฯ)สาปแช่งอย่างเปิดเผย หลังจากนั้น ฮิชาม บิน อับดุลมาลิก(ลน) ซึ่งเลวที่สุดในบรรดา
คอลีฟะฮฺของบนีอุมัยยะฮฺ ยิ่งกว่ายะซีด(ลน) ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ก่ออาชญากรรมในกัรบาลาอฺก็ตาม
กล่าวได้ว่า ในยุคนั้นมีความเลวทรามทุกรูปแบบ แต่ถึงกระนั้น ท่านอิมาม(อ)ก็ยังสามารถจะพลิกฟื้น นำอีมาน นำศรัทธาจนกระทั่งเกิดการเคลื่อนไหว นำไปสู่การลบล้างการปกครองบนีอุมัยยะฮฺ คือ เริ่มสั่นคลอน ทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนมาจากผลงานของท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ)ทั้งสิ้น !!

‎وَسَیعْلَمُ الَّذِینَ ظَلَمُوا أَی مُنْقَلَبٍ ینْقَلِبُونَ
‎اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم