ศาสนายังจำเป็นอยู่อีกหรือ?

ศาสนายังจำเป็นอยู่อีกหรือ?


 


หากเราดูวิวัฒนาการและพัฒนาการของศาสนาในประวัติศาสตร์ เราจะเห็นว่าศาสนามีความเกี่ยวข้องกับการเปิดเผยความลับและการตอบคำถามของมนุษย์เกี่ยวกับตัวเขาและโลก คำถามคือ อะไรคือความจำเป็นของศาสนาในโลกปัจจุบัน ซึ่งวิทยาศาสตร์ได้แก้ปัญหาไปมากแล้ว? ศาสนาในโลกนี้มีประโยชน์อะไร?
 คำถามเกี่ยวกับว่าศาสนามีประโยชน์ในโลกยุคปัจจุบันหรือไม่นั้น สามารถจัดลำดับได้หลายวิธี บางครั้งนักสังคมวิทยาบางคนเช่น"มัคส์" เวเบอร์ (Karl Emil Maximilian "Max" Weber)ได้ชี้ให้เห็น โลกได้กลายเป็นโลกแห่งการเผยความลับ เราอยู่ในโลกที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เปลี่ยนโฉมหน้า ถึงตรงนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเรามองย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเรอเนซองส์พร้อมกับการเกิดขึ้นของวิทยาศาสตร์และปรัชญาใหม่ๆ เราก็จะได้เห็นภาพอีกภาพหนึ่งของโลก
  คำถามข้างต้นสามารถตอบได้อย่างน้อยสองวิธี จากมุมมองทางจิตวิทยา บางครั้งเมื่อวิเคราะห์ถึงปัญหา ทั้งที่โลกได้เผยความลับต่างๆมากมาย แต่ศาสนายังคงตอบสนองต่อความต้องการบางอย่างของมนุษย์ในปัจจุบันหรือไม่? มันสามารถลดความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของเขาได้หรือไม่? คำถามอีกประการหนึ่งก็คือ ทั้งที่มีการตั้งคำถามต่างๆเกี่ยวกับศาสนาในโลกยุคใหม่ขึ้นจากนักวิชาการเช่นฟร็อยท์หรือดาร์วินหรือมาร์กซ์หรือคาร์ล วิลเฮ็ล์ม ฟอวเออร์บัค ศาสนาถูกขโมยคุณค่าทางปัญญาและจิตใจไปหรือไม่?
 คำตอบสำหรับคำถามแรกเป็นบวก ในแง่ที่ว่าแม้จะมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และปรัชญา แต่ก็ยังผู้คนอีกมากมายที่โลกยังคงลึกลับสำหรับพวกเขาและศาสนายังคงมีความหมายสำหรับพวกเขา มองในมุมทฤษฎี functionalismที่เน้นประโยชน์ใช้สอย ศาสนายังคงมีบทบาทในโลกยุคใหม่อยู่อย่างนั้น เห็นได้ชัดว่ามีคนจำนวนมากจากวัฒนธรรมและสังคมที่แตกต่างกันในโลกที่ลึกลับแห่งศตวรรษที่ 21 นี้ ใช้ศาสนาเป็นศูนย์รวมที่ให้ความหมายแก่ชีวิตของตน ในตะวันออกกลางในรูปแบบหนึ่ง ในยุโรปอีกรูปแบบหนึ่ง และในอเมริกาก็อีกรูปแบบหนึ่ง แน่นอนว่าจำนวนคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าก็มีไม่น้อย แต่ไม่ใช่ว่าศาสนาจะไม่มีความหมายสำหรับชีวิตและไม่อาจแก้ไขปัญหาทางจิตใจและจิตวิญญาณของผู้คนได้
 สำหรับคำถามที่สองนั้นขึ้นอยู่กับว่าถามใคร เห็นไหมว่าในยุคปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นในหมู่นักปรัชญาหรือนักสังคมวิทยาก็มีคนที่ทำงานด้านวิทยาศาสตร์เชิงทดลองที่เชื่อว่าสามารถปกป้องความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาและได้กล่าวคำอธิบายที่สมเหตุสมผล
 ชะฮีดมุฏอฮารีย์ กล่าวว่า แม้ว่าอารยธรรมในปัจจุบันจะมีความสมบูรณ์มากกว่าอารยธรรมในยุคศาสดาองค์สุดท้าย แต่การเปลี่ยนแปลงในอารยธรรมและการพัฒนาทางเทคโนโลยี ไม่ได้ส่งผลต่อศาสนาแต่อย่างใด เพราะมนุษย์ยังคงต้องการการชี้นำทาง และการชี้นำของมนุษย์มาจากสองหนทาง: ปัญญาและวะห์ยู ความต้องการทางด้านวะห์ยูนั้นอยู่ที่ว่าปัญญาไม่อาจเข้าถึงและจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้ ไม่ใช่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ระดับของอารยธรรมเพิ่มขึ้นความต้องการต่อศาสนาและวะห์ยูจะน้อยลงหรือมากกว่าขึ้น
 จะเห็นได้ว่ามนุษย์เมื่อร้อยปี พันปีก่อนกับมนุษย์ยุคปัจจุบัน นั้นเหมือนกันในความเป็นมนุษย์ กล่าวคือ มีกิเลส มีความอยาก มีอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง ฯลฯ แม้ว่าจะแตกต่างกันในวิถีการดำเนินชีวิต บ้านของคนยุคก่อนอาจจะอาศัยอยู่ในถ้ำ เพิงหิน คนยุคนี้อยู่คอนโดสูง มีเสื้อผ้าสวยๆ สวมใส่ มีเครื่องใช้ไฟฟ้า มีรถไฟฟ้า ฯลฯ แต่คนก็ยังคงเป็นคนอยู่อย่างนั้น และศาสนายังคงจำเป็นสำหรับการชี้นำผู้คนและสังคมสู่ความผาสุกที่แท้จริง

 

เชคอิมรอน พิชัยรัตน์/เรียบเรียง