ความสำคัญของเอกภาพในมิติของอัลกุรอานและซุนนะฮฺ ตอนที่ 2
ความสำคัญของเอกภาพในมิติของอัลกุรอานและซุนนะฮฺ ตอนที่ 2
ความสำคัญของการสร้างเอกภาพในปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้ศัตรูได้ใช้กลยุทธ์ทุกวิถีทางที่ทำลายล้างอิสลาม ประชาชาติอิสลามต้องรู้ทันมิเช่นนั้นเราจะถูกกำจัดทำลายล้างจากผลประโยชน์ที่ศัตรูต้องการ ไม่ว่าในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
แผนการของฮันติงตัน ชาวยิวผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ของทำเนียบขาว ได้เขียนไว้ในหนังสือการเผชิญหน้าของอารยะธรรม พอที่ประจักษ์ชัดถึงแนวความคิดในการทำลายประชาชาติอิสลามได้เป็นอย่างดี
เช่นเดียวกันนี้ ดร.ไมเคิล แบรนท์ (Dr.Michael Brant) อดีตรองหัวหน้าซีไอเอ (CIA) ของสหรัฐอเมริกา ได้เขียนหนังสือ A Plan to Divide and Destory the Theology เอาไว้ เนื้อหาบางตอนเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามมัศฮับชีอะฮฺ เช่น บอกว่าชีอะฮฺเป็นผู้ปฏิเสธ จึงควรโดดเดี่ยวเขาออกไปจากสังคมมุสลิม ถ้าจะตอบโต้กับมัศฮับชีอะฮฺก็ต้องมีแผนการที่รัดกุมเป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ต้องช่วยกันเรียกร้องเชิญชวนให้มุสลิมมีความเป็นเอกภาพและภราดรภาพให้มากกว่ายุคสมัยใดๆ เพราะศัตรูของอิสลามได้ใช้กลยุทธ์ในการต่อสู้กับแนวทางความคิดของศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์ทุกรูปแบบ
William Ewart Gladstone อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่า
“ตราบใดที่มุสลิมยังคงยึดมั่นในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานอย่างเหนียวแน่น ตราบนั้นยุโรปจะไม่มีวันครอบครองตะวันออกได้และไม่อาจอยู่อย่างสงบสุขได้เป็นอันขาด”
David Ben Gurion อดีตนายกรัฐมนตรียิวไซออนิสต์ กล่าวว่า
“สิ่งที่สร้างความหวาดผวาน่ากลัวที่สุดสำหรับเราคือบุรุษผู้มีนามว่ามุฮัมมัดจะถือกำเนิดในโลกอาหรับอีกครั้ง”
ในขณะที่ชาวคริสเตียนเคยมีความเชื่อว่าพระเยซูถูกสังหารด้วยน้ำมือของยิว ความเคียดแค้นและความเป็นศัตรูระหว่างคริสเตียนกับยิวถูกฝังหัวมาตลอด 20 ศตวรรษที่ผ่านมา แต่เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพระหว่าง คริสเตียนกับยิวเพื่อต่อต้านมุสลิม สำนักวาติกันจึงได้ออกปฏิญญาอย่างเป็นทางการว่า ไม่ขอเอาผิดในอาชญากรรมอันเลวร้ายของทั้งสองฝ่ายในอดีต
เป็นที่น่าแปลกอย่างยิ่งว่า ปฏิญญาดังกล่าวได้ถูกประกาศขึ้นในปี ค.ศ. 1973 หรือ ปี ฮ.ศ 1393 ตรงกับสงครามที่เกิดระหว่างอิสราเอลกับมุสลิม (อาหรับ) โดยหวังให้กองกำลังของยิวและคริสเตียนร่วมมือกันต่อสู้กับพี่น้องมุสลิม
หากพิจารณาจากประเด็นที่กล่าวมาข้างต้น สามารถประจักษ์เห็นความสำคัญในวจนะของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)มากยิ่งขึ้น ที่ได้กล่าวว่า
من أصبح ولم یهتمّ بأمور المسلمین فلیس بمسلم
“มุสลิมผู้ใดตื่นขึ้นมาแล้วไม่ให้ความสำคัญต่อเรื่องราวชะตากรรมของพี่น้องมุสลิม เขาหาใช่มุสลิมไม่”
ดังนั้นในสถานการณ์ปัจจุบันพี่น้องมุสลิมต้องยึดมั่นในความเป็นภราดรภาพและเอกภาพเป็นที่สุด ต้องหลีกเลี่ยงการแตกความสามัคคีต่อกันโดยเด็ดขาด
ติดตามตอนที่3
ที่มา: ธารธรรมออนไลน์ที่ได้รับการเผยแพร่โดย ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี