เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ชีวประวัติของอิมามทั้งสามผู้บริสุทธิ์โดยสังเขป ณ สุสาน อัลบะเกียะอ์

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ชีวประวัติของอิมามทั้งสามผู้บริสุทธิ์โดยสังเขป  ณ สุสาน อัลบะเกียะอ์

 

1.อิมามอะลี บิน ฮุซัยน์ ซัยนุลอาบิดีน (อัซซัจญาด)

 

การบริหารงานของท่านอิมามซัจญาด (อ.) แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ซึ่งเมื่อมองภาพโดยรวมแล้ว มีความคล้ายคลึงกับการบริหารงานโดยทั่วไปของบรรดาอิมามท่านอื่น ๆ

ท่านอิมามซัจญาดเป็นคนหนึ่งที่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์กัรบะลาอ์พร้อมกับอิมามฮุซัยน์ (อ.) ผู้เป็นบิดา และหลังจากที่ท่านอิมามฮุซัยน์ได้เป็นชะฮีด

 ท่านอิมามซัจญาดก็ถูกจับเป็นเชลยเช่นเดียวกับคนอื่น ๆและถูกนำตัวไปยังเมืองกูฟะฮ์และเมืองชาม (ซีเรีย) ตามลำดับ

 ขณะที่ถูกจับเป็นเชลยนั้น ท่านอิมาม (อ.) ไม่เคยอำพรางตัวเอง (ตะกียะฮฺ) ท่านเปิดเผยตัวและบอกกล่าวถึงความเป็นจริงที่เกิดกับบิดาของท่านและครอบครัวบนแผ่นดินกัรบะลาออย่างละเอียดต่อหน้าสาธารณชนและกลุ่มชนบางกลุ่ม ท่านได้กล่าวถึงความโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานของพวกบะนีอุมัยยะฮ์ ที่พวกมันได้ทำทารุณกรรมกับครอบครัวของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) จนสามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของคนเหล่านั้นได้ในระดับหนึ่ง จากการที่พวกเขาเข้าใจอะฮ์ลุลบัยต์ผิด เปลี่ยนมาเป็นความรักและความสงสาร

 

แต่หลังจากท่านอิมาม (อ.) ได้เป็นอิสระ ท่านได้เดินทางกลับไปยังมะดีนะฮ์ ซึ่งสภาพชีวิตของท่านที่มะดีนะฮ์เปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นเงียบสงบและอยู่แต่ในบ้านทำอิบาดะฮ์ ไม่มีการปลุกระดมประชาชนอีกต่อไป ท่านได้เปลี่ยนมาเป็นการอบรมสั่งสอนบรรดาผู้ที่จงรักภักดีต่ออะฮ์ลุลบัยต์และผู้ที่เจริญรอยตามสัจธรรมความจริง ท่านอิมาม (อ.) ได้ดำรงตำแหน่งอิมามอยู่นานถึง 35 ปีและ ได้อบรมสั่งสอนวิชาการอิสลามแก่ผู้ศรัทธาผ่านไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า

 

ท่านอิมามซัจญาด (อ.) ได้ถ่ายทอดบทดุอาอ์ไว้เล่มหนึ่งชื่อว่า "เศาะฮีฟะตุซซัจญาดียะฮ์"

ท่านได้พรรณาดุอาอ์บทดังกล่าว ณ มิฮ์รอบ ขณะทำอิบาดะฮ์ ซึ่งดุอาอ์ดังกล่าวนี้มิได้เป็นเพียง

บทดุอาอ์ทั่ว ๆ ไป แต่มันแฝงเร้นไว้ด้วยความรู้ต่างๆ มากมาย สอนให้รู้จักถึงพระผู้เป็นเจ้า ความรู้ ความเมตตาและความยุติธรรมของพระองค์ ตลอดจนได้สอดแทรกความรู้ด้านการเมือง การปกครองและการต่อสู้กับบรรดาผู้กดขี่และ ฯลฯ

 

2.อิมามมุฮัมมัด บิน อะลี  บิน ฮุซัยน์ อัลบากิร

 

ในสมัยของท่านอิมามมุฮัมมัด อัลบากิร (อ.) ถือว่าเป็นยุคสมัยหนึ่งที่ความรู้ของอิสลามได้ถูกเผยแผ่ออกไป แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรก็ตาม แต่เมื่อเทียบยุคกับก่อนหน้านี้ถือว่าดีกว่ามาก เพราะบรรดาอิมามก่อนหน้าท่านอิมามอัลบากิร (อ.) ล้วนแต่อยู่ในภาวะที่ถูกบีบบังคับและได้รับความกดดันจากผู้ปกครองที่กดขี่อย่างมาก แต่ในยุคของท่านอิมามมุฮัมมัด อัลบากิร (อ.) เป็นยุคที่บนีอุมัยยะฮ์กำลังจะล่มสลาย ภาวะความกดดันจากผู้ปกครองจึงน้อยลง ยุคที่บนีอุมัยยะฮ์เรืองอำนาจนั้นได้ทำลายฮะดีษ (คำรายงาน)เกี่ยวกับฟิกฮ์

(นิติศาสตร์อิสลาม)ไปเป็นจำนวนมาก ขณะที่อะห์กามอิสลาม (หลักการปฏิบัติ) นั้นจำเป็นต้องใช้ฮะดีษประกอบการอธิบายเป็นพันๆ ฮะดีษ ขณะเดียวกันฮะดีษต่างๆ ของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ที่รายงานไว้โดยบรรดาเศาะฮาบะฮ์นั้นมีจำนวนไม่ถึง 500 ฮะดีษ แต่ฮะดีษเท็จที่ออกมาจากวังเขียวของมุอาวิยะฮ์กับมีอยู่อย่างดาษดื่น ซึ่งเขาได้ใช้เงินว่าจ้างบรรดาผู้อ้างตนว่าเป็นสาวกของศาสดา (ศ็อลฯ) บรรดาผู้รู้ที่ขายตัวเป็นทาสเงินของมุอาวิยะฮ์ ให้แต่งฮะดีษเหล่านั้นขึ้นมา จึงเป็นสาเหตุทำให้มุสลิมล้าหลัง ขาดความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับอิสลามและอัล-กุรอาน และเป็นสาเหตุนำไปสู่การฆ่าล้างตระกูลของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) และถือว่าเป็นโอกาสทองของท่านอิมามอัลบากิร เพราะก่อนหน้าท่านซึ่งเป็นยุคสมัยของท่านอิมามอัซซัจญาด (อ.) ท่านได้ใช้เวลาตลอด 35 ปีขณะที่ดำรงตำแหน่งอิมาม ในการอบรมสั่งสอนวิชาการอิสลาม และสร้างมุสลิมสายเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทนสายเลือดเก่า (ที่ทรยศและเป็นกบฏต่อคำสั่งเสียสุดท้ายของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) และเท่ากับเป็นการสร้างฐานกำลังที่สำคัญสำหรับอิมามอัลบากิร (อ.) ฉะนั้น เมื่อมาถึงยุคของท่าน จึงเป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะพอดีต่อการเผยแผ่วิชาการประกอบกับที่ราชวงศือุมัยยะฮ์กำลังจะล่มสลาย เพราะเกิดความขัดแย้งภายในอย่างรุนแรง จึงไม่มีเวลาใส่ใจต่อประชาชนเท่าใดนัก ท่านอิมามมุฮัมมัดอัลบากิร (อ.) จึงใช้โอกาสในช่วงนี้อย่างดีในการเผยแผ่วิชาการของอิสลามและอะฮ์กามของอะฮ์ลุลบัยต์ จนสามารถสร้างลูกศิษย์ ลูกหา ที่มีคุณภาพจำนวนมากมายมอบให้กับสังคม

 

3.อิมามญะอ์ฟัร  บิน มุฮัมมัด อัศ-ศอดิก

 

ท่านอิมามญะอ์ฟัร (อ.) สามารถเผยแผ่วิชาการอิสลามได้มากกว่ายุคใดทั้งหมด สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะว่าท่านอิมามบากิร (อ.) ได้สร้างฐานเอาไว้แล้วส่วนหนึ่ง ท่านได้เผยแผ่และเชิญชวนผู้คนมาสู่อิสลามเป็นจำนวนมากมาย ซึ่งผู้คนเหล่านั้นต่างกระหายในวิชาการอิสลามและความรู้ของอะฮ์ลุลบัยต์

 

อีกด้านหนึ่ง ราชวงศ์อุมัยยะฮ์กำลังจะสิ้นสุดอำนาจและราชวงศ์อับบาซียะฮ์ ก็ยังยึดอำนาจไม่ได้ทั้งหมด ซึ่งก้าวขึ้นสู่อำนาจของพวกอับบาซียะฮ์ได้โดยอาศัยบารมีของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) โดยใช้การถูกกดขี่ของบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ในกัรบะลาอ์เป็นสิ่งนำและเรียกร้องความสนใจของประชาชน พวกเขาแสร้งทำเป็นรักและให้เกียรติต่ออะฮ์ลุลบัยต์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมิได้เป็นเช่นนั้นเลย

 

ขณะที่ท่านอิมามศอดิก (อ.) ได้สอนสั่งและขยายความรู้ออกไปอย่างกว้างขวาง โดยมีผู้รู้นักปราชญ์และนักวิชาการทั้งหลายจากทั่วสารทิศมากันเป็นกลุ่มๆ เพื่อมาศึกษาหาความรู้จากอิมาม (อ.) ในศาสตร์ต่าง ๆ จนได้รับฉายานามว่า "บิดาแห่งความรู้" ท่านเป็นคนแรกที่สอนวิทยาศาสตร์ทั้งวิทยาศาสตร์กายภาพและวิทยาศาสตร์ประยุกต์

นอกเหนือจากอิมามทั้งสามที่ฝังอยู่ในสุสาน อัลบะเกียะอ์ ยังมีอิมามอีกท่าน นั่นคือ ท่านอิมามฮะซัน บิน อะลี อัลมุจญตะบา ที่ถูกฝังร่างอันบริสุทธิ์ของท่าน ณ สุสานแห่งนี้

แต่ในวันที่แปด ของเดือนเชาวาล แห่งฮิจเราะฮ์ศักราชอิสลาม ที่  1344  เป็นวันที่พวกวะฮาบี

ซาอุดิอารเบียได้ทำลายล้างสุสานอัลบะเกียะอ์ คงเหลือเพียงซากปรักหักพัง และหินที่แสดงว่า นี่คือ สุสานเท่านั้นเอง

การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำครั้งที่สอง หลังจากมีเหตุการณ์เยี่ยงนี้เกิดขึ้นมาแล้ว ในปี ฮิจเราะฮ์ ที่ 1220 ด้วยการฟัตวา (คำวินิจฉัย)ของพวกวะฮาบี อาลิซาอูด และหลังจากนั้นก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ในสุสานอัลบะเกียะอ์ ยังมีกุโบร์(หลุมฝังศพ) ของบรรดาภรรยาของท่านศาสดามุฮัมมัด ,ท่านอับบาส ผู้ทีเป็นลุงของท่านศาสดา,ท่านหญิง ฟาติมะฮ์ บินติ อะซัด มารดาของท่านอิมามอะลี และท่านหญิงอุมมุลบะนีน อีกทั้งยังมีหลุมฝังศพของบรรดาศอฮาบะฮ์ (สาวก)ของท่านศาสดา เช่นกัน

 

ขอขอบคุณเว็บไซต์อัชชีอะฮ์

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม