เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

เตาฮีด 2 (ความเป็นเอกะของพระผู้เป็นเจ้า)

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

เตาฮีด 2 (ความเป็นเอกะ ของพระผู้เป็นเจ้า)


ทำไมมนุษย์จะต้องแสวงหาศาสนา ทำไมมนุษย์จะต้องแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า ทำไมมนุษย์ต้องแสวงหาความจริงในการดำรงชีวิต ตามหลักจิตวิทยามนุษย์คือสิ่งถูกสร้างที่มีลักษณะพิเศษอันหนึ่งคือโดยธรรมชาติจิตวิญญาณของมนุษย์จะแสวงหาความจริงอยู่ตลอดเวลา ตัวอย่างง่ายๆสมมุติมนุษย์เห็นฟ้าฝ่ามนุษย์ปกติทั่วไปจะฉุกคิดว่าทำไมเกิดเหตุการณ์นี้ ทำไมฝนตก ทำไมแผ่นไหว ทำไมภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ อะไรอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ มนุษย์จะค้นหาเบื้องหลังของเหตุการณ์ สมมุติบุคคลหนึ่งอยู่บ้านคนเดียวตื่นมาตอนเช้าพบอาหารวางอยู่บนโต๊ะมากมาย และเขาก็ไม่ได้ทำเอง อย่างน้อยที่สุดแน่นอนเขาจะต้องสืบหาว่ามันมาได้อย่างไรใครคือผู้ทำมัน เมื่ออยากรู้ว่าใครทำก็ต้องสืบหานี้คือธรรมชาติดั่งเดิมของมนุษย์ หรือเขาเข้ามาในบ้านเห็นแก้วแตกอยู่ เขาจะสืบหาว่ามันแตกได้อย่างไร ลมอาจจะพัด หรือว่ามีคนทำให้แตก หรือสาเหตุอื่นๆ สิ่งนี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์
มนุษย์ก่อนที่เขาจะถูกส่งมายังโลกนี้ มนุษย์อยู่ในโลกๆหนึ่งในโลกแห่งนั้นพระผู้เป็นเจ้าได้แนะนำให้มนุษย์ได้รู้จักกับคุณลักษณะแห่งความสมบูรณ์และความสวยงามของพระองค์แล้ว โดยด้านในจิตวิญญาณของมนุษย์ได้ยอมรับการมีอยู่และการเป็นพระผู้อภิบาลของพระองค์แล้วแต่ทว่าหลังจากที่มนุษย์ถูกส่งมายังโลกนี้ ทำให้ร่องร่อยส่วนหนึ่งเหล่านั้นถูกลืมเลือนไป และอีกส่วนหนึ่งก็ยังคงถูกรักษาอยู่ด้านในจิตวิญญาณของมนุษย์ โองการที่ยืนยันเรื่องนี้อยู่ใน ซูเราะฮ์ อะอ์รอพ โองการที่ 172
وَإِذْ أَخَذَ رَبُّكَ مِن بَنِي آدَمَ مِن ظُهُورِهِمْ ذُرِّيَّتَهُمْ وَأَشْهَدَهُمْ عَلَىٰ أَنفُسِهِمْ أَلَسْتُ بِرَبِّكُمْ ۖ قَالُوا بَلَىٰ ۛ شَهِدْنَا ۛ أَن تَقُولُوا يَوْمَ الْقِيَامَةِ إِنَّا كُنَّا عَنْ هَٰذَا غَافِلِينَ
“และจงรำลึกเมื่อเมื่อพระผู้อภิบาลของเจ้าได้ดลบันดาลให้มนุษย์ออกมาจากกระดูกสันหลังของพวกเขา และทรงบันดาลพวกเขาให้เป็นสักขีพยานด้วยตัวของเขาเอง ในเอกานุภาพและเดชานุภาพของพระองค์ว่า ข้ามิใช่พระผู้อภิบาลของพวกเจ้าดอกหรือ พวกเขาตอบว่า ใช่แล้วพวกเราของเป็นพยาน(ยืนยันว่าพระองค์คือพระเจ้าของพวกเราอย่างแท้จริง) เพื่อป้องกันมิให้มนุษย์กล่าวแก้ตัวในวันกียามัตว่าเราไม่รับรู้สิ่งต่างเหล่านี้มาก่อน”
จากโองการดั้งกล่าวยืนยันว่าในโลกๆหนึ่งลูกหลานของนบีอาดัม(อ)ได้ยอมรับการมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้ามาก่อนแล้ว
ส่วนที่ยังคงถูกรักษาไว้ภายในจิตวิญญาณของมนุษย์นั้นคือ “ฟิตรัต” คือ มโนธรรม โดยธรรมชาติมนุษย์จะแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า โดยธรรมชาติของมนุษย์นั้นแสวงหาความจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยธรรมชาติมนุษย์แสวงหาเบื้องหลังของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดั้งนั้นเมื่อมนุษย์ได้ค้นหาสืบหาเบื้องหลังของทุกๆสรรพสิ่งเบื้องหลังของทุกๆเหตุการณ์ในโลกนี้ สติปัญญาเบื้องต้นบอกว่ามีผู้ทำให้มันเกิดขึ้นมา มีผู้สร้างมันขึ้นมา มีพระผู้เป็นเจ้าอยู่เมื่อมนุษย์ค้นหามนุษย์ก็จะพบความจริง หรือค้นพบสัจธรรม สัจธรรมแรกของโลกคือพระผู้สร้าง ถ้าไม่มีสัจธรรมอันนี้จะไม่มีสรรพสิ่งใดๆเกิดขึ้นได้ พระองค์เป็นทั้งสัจธรรมแรกและสัจธรรมสุดท้าย เนื่องจากทุกๆสิ่งจะสูญสลายไปหมดแต่ทว่าพระองค์ก็ยังดำรงอยู่ตลอดกาล โองการอัลกุรอานได้ยืนยันไว้ในซูเราะฮ์ อัลฮาดีด โองการที่ 3
هُوَ الْأَوَّلُ وَالْآخِرُ
“พระองค์คือสิ่งแรกและทรงเป็นสิ่งสุดท้าย”
อีกประเด็นหนึ่งคือ มนุษย์จะเคารพภักดีสิ่งที่เขาคิดว่ามีอำนาจเหนือเขา สิ่งที่เขาคิดว่าสามารถให้ความคุ้มครองแก่เขาได้ สิ่งที่ให้คุณและให้โทษแก่เขา จะเห็นได้ว่ามนุษย์จำนวนหนึ่งบูชาดวงอาทิตย์ มนุษย์จำนวนหนึ่งบูชาดวงจันทร์ มนุษย์จำนวนหนึ่งบูชา แม่น้ำ ลำธาร ภูเขา ฯลฯ เพราะอะไรทำให้มนุษย์จำนวนหนึ่งต้องบูชาสิ่งต่างๆเหล่านี้ เพราะมนุษย์เห็นว่าสิ่งเหล่านั้นมีอำนาจ สิ่งเหล่านี้ให้ประโยชน์แก่เขา กรณีนี้เป็นการยืนยันว่ามนุษย์กำลังแสวงหาที่พึ่งแสวงหาที่พักพิง มนุษย์กำลังแสวงหาพระผู้เป็นเจ้านั่นเอง ถึงแม้จะเคารพระผู้เป็นเจ้าที่ผิดๆพระผู้เป็นเจ้าจอมปลอมก็ตาม ดั้งนั้นสองคุณลักษณะนี้ ทั้งฟิตรัตในการแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า และฟิตรัตในการเคารพภักดีพระผู้เป็น เป็นสิ่งชี้วัดว่ามนุษย์จะต้องมีศาสนา มนุษย์กำลังแสวงหาศาสนามนุษย์กำลังแสวงหาพระผู้เป็นเจ้าเพื่อมาเป็นที่พักพิงและเติมเต็มจิตวิญญาณของเขาและจะต้องเป็นศาสนาที่ถูกต้องสมบรูณ์

 

สถาบันศึกษาศาสนา อัลมะฮ์ดี (อ.)

 

 

 

 

 

 

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม