อิสลามเบื้องต้น [บทที่ 4] “ศรัทธาต่อมลาอิกะฮ์”

อิสลามเบื้องต้น [บทที่ 4] “ศรัทธาต่อมลาอิกะฮ์”


โดย เชคอันศอร เหล็มปาน

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

อิสลามเบื้องต้น [บทที่ 4] “ศรัทธาต่อมลาอิกะฮ์”

divider

 

อิสลามเบื้องต้น [บทที่ 4] “ศรัทธาต่อมลาอิกะฮ์”

การศรัทธาต่อมลาอิกะฮฺคือ การเชื่ออย่างแน่วแน่และสัตย์จริงว่าอัลลอฮ์ ซ.บ. มีบรรดาบริวารที่เป็นมลาอิกะฮ์จริง มลาอิกะฮ์(ملائكة‎‎) เป็นคำพหูพจน์ของ มะลัก (ملك-เทวทูต‎) ในไทยบางแห่งเรียก เทพบริวาร มีหน้าที่ถวายงานรับใช้แก่อัลลอฮ์ ซ.บ. ซึ่งมีความเกรงกลัวพระองค์เป็นที่สุด และจะไม่ผิดพลาดในหน้าที่การงานเลย นั่นหมายถึงมีสถานะเป็นผู้บริสุทธิ์จากความผิดพลาดทั้งมวล พระองค์ทรงตรัสไว้ในซูเราะห์อัลนะห์ลุ อายะที่ 50 ว่า :

يَخَافُونَ رَبَّهُم مِّن فَوْقِهِمْ وَيَفْعَلُونَ مَا يُؤْمَرُونَ

พวกเขาเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาเหนือพวกเขา พวกเขาจะทำตามที่ได้รับพระบัญชามาอย่างเคร่งครัด

และทรงตรัสไว้ในซูเราะห์อัต-ตะฮ์รีม อายะที่ 6 ว่า :

لَّا يَعْصُونَ اللَّهَ مَا أَمَرَهُمْ وَيَفْعَلُونَ مَا يُؤْمَرُونَ

พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนอัลลอฮ์ในสิ่งที่พระองค์ทรงมีบัญชาให้พวกเขาทำ และพวกเขาจะปฎิบัติตามที่ได้รับพระบัญชาอย่างเคร่งครัด

 

จำนวนของมลาอิกะฮ์ และในแง่ของการทำหน้าที่และงาน

มลาอิกะฮ์มีจำนวนมากมายมหาศาล จำนวนดังกล่าวนี้ไม่สามารถนับได้นอกจากอัลลอฮ์เท่านั้นในบรรดามลาอิกะฮ์มีหน้าที่แตกต่างกันไป บางส่วนมีหน้าที่คอยแบกและค้ำบัลลังก์ของอัลลอฮ์ บางส่วนมีหน้าที่เฝ้าดูแลสวนสวรรค์ บางส่วนมีหน้าที่เฝ้านรก บางส่วนมีหน้าที่ปกปักษ์รักษามนุษย์บางส่วนมีหน้าที่คอยจดบันทึกบ้างและมีหน้าที่อื่น ๆ และและในบรรดามลาอิกะฮ์ของพระองค์ มี 4 มลาอิกะฮ์ ที่มีสถานะที่พิเศษ สูงส่งกว่ามลาอิกะฮ์องค์อื่น ๆ และใกล้ชิดกับพระพักต์ของพระองค์มากที่สุด โดยบรรดาปราชญ์ด้านอุระฟาฮ์เรียกขานพวกเขาว่า “บรรดาหัวหน้าแห่งเทพบริวาร” (รุฮูซุล มลาอิกะฮ์) อันได้แก่ ญิบรีล , มีกาอีล ,อิสรอฟีล และอิสรออีล(มะละกุลเมาต์) ท่านนบีมุฮัมมัด ศ. กล่าวว่า :

قَالَ رَسُولُ اَللَّهِ صَلَّى اَللَّهُ عَلَيْهِ وَ آلِهِ : إِنَّ اَللَّهَ تَبَارَكَ وَ تَعَالَى اِخْتَارَ مِنْ كُلِّ شَيْءٍ أَرْبَعَةً اِخْتَارَ مِنَ اَلْمَلاَئِكَةِ جَبْرَئِيلَ وَ مِيكَائِيلَ وَ إِسْرَافِيلَ وَ مَلَكَ اَلْمَوْتِ عَلَيْهِ السَّلاَمُ

แท้จริงอัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่งได้เลือกสรรทุกๆสรรพสิ่งไว้ 4 อย่าง(ให้เหนือกว่าสิ่งที่อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน) และจากมลาอิกะฮ์ มี 4 มะลัก(ที่เหนือกว่ามะลักอื่นๆ) นั่นคือ ญิบรออีล ,มีกาอีล ,อิสรอฟีล และมะละกัลเมาต์

– [1]- มะลัก ญิบรีล(جبرئیل) เป็นเทวทูตที่มีความรู้อันไพศาล มีความคิด ฉลาดหลักแหลม ไร้ซึ่งความผิดพลาด(มะฮ์ซูม) ญิบรีล คือ หัวหน้าแห่งบรรดาหัวหน้าเทพบริวารอีกทอดหนึ่ง และมีหน้าที่นําบัญญัติพระองค์อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา มามอบให้กับบรรดาร่อซูลของพระองค์

– [2]- มะลัก มีกาอีล(میکائیل) เป็นเทวทูตที่ดูแลเรื่องโชคลาภริสกี(ปัจจัยยังชีพ)ต่างๆของอัลลอฮ์เพื่อแจกแจงแก่สรรพสิ่งทั้งหลายที่พระองค์สร้าง ดูแลเรื่องดินฟ้าอากาศ เมฆฝน เป็นต้น อัลลอฮ์ทรงเรียกขาน มะลัก มีกาอีล ในอัลกุรอ่านว่า “มีกาล”

مَنْ كَانَ عَدُوًّا لِلَّهِ وَمَلَائِكَتِهِ وَرُسُلِهِ وَجِبْرِيلَ وَمِيكَالَ فَإِنَّ اللَّهَ عَدُوٌّ لِلْكَافِرِينَ

บุคคลใดที่เป็นศัตรูต่ออัลลออ์ มลาอิกะฮ์ของพระองค์ ศาสนทูตขอพระองค์ ญิบรีล และมีกาอีล นั้นจงรู้ไว้ด้วยว่า แท้จริงแล้วอัลลออ์ทรงเป็นศัตรูต่อบรรดาผู้ปฎิเสธ(อัล-บะเกาะเราะฮ์ อายะที่ 98)

– [3]- อิสรออีล(عزرائیل) หรือ เทวทูตปลิดวิญญาณ(มะละกุลเมาต์)

« قُلْ يَتَوَفَّاكُمْ مَلَكُ الْمَوْتِ الَّذِي وُكِّلَ بِكُمْ ثُمَّ إِلَىٰ رَبِّكُمْ تُرْجَعُونَ…؛

จงกล่าวเถิด มลาอิกะฮ์แห่งความตายซึ่งถูกมอบหมายให้อยู่กับพวกท่าน จะถอดดวงวิยญาณของพวกท่าน จากนั้นพวกท่านจะถูกนำตัวคืนกลับสู่พระผู้อภิบาลของพวกท่าน(ซูเราะห์อัสซะญะดะฮ์ อายะที่ 11)

– [4]- มะลัก อิสรอฟีล(اسرافیل) เป็นเทวทูตที่มีหน้าที่คอยเป่าสังข์เมื่อถึงวันกิยามะห์

 

ผลที่ได้จากการศรัทธาต่อบรรดามลาอิกะฮ์

ทำให้เราได้สำนึกด้วยการขอบคุณและสรรเสริญทั้งมวลแด่อัลลอฮ์ ผู้ทรงให้การคุ้มครองและปกป้องดูแล บรรดาลูกหลานอาดัมด้วยการส่งตัวแทนจากบรรดามลาอิกะฮ์ที่คอยทำหน้าที่คุ้มครอง ช่วยเหลือ และคอยจดบันทึกการกระทำและการงานของพวกเขา ทำให้พวกเราได้เกิดความรักความผูกพันต่อบรรดามลาอิกะฮ์ในสิ่งที่พวกเขาคอยปฏิบัติอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ ตะอะลา ซึ่งพวกเขาได้ขอพรและขอลุแก่นทษแก่บรรดาศรัทธาชน ดังที่อัลลอฮฺผู้สูงส่งได้กล่าวถึงบรรดามลาอิกะฮ์ผู้ที่คอยแบกและคค้ำบัลลังก์ของพระองค์และผู้ที่อยู่รอบ ๆบัลลังก์ว่า :

الَّذِينَ يَحْمِلُونَ الْعَرْشَ وَمَنْ حَوْلَهُ يُسَبِّحُونَ بِحَمْدِ رَبِّهِمْ وَيُؤْمِنُونَ بِهِ وَيَسْتَغْفِرُونَ لِلَّذِينَ آمَنُوا رَبَّنَا وَسِعْتَ كُلَّ شَيْءٍ رَّحْمَةً وَعِلْمًا فَاغْفِرْ لِلَّذِينَ تَابُوا وَاتَّبَعُوا سَبِيلَكَ وَقِهِمْ عَذَابَ الْجَحِيمِ
บรรดาผู้แบกบัลลังก์ และผู้ที่อยู่รอบ ๆ บัลลังก์ ต่างก็แซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของพวกเขา และศรัทธาต่อพระองค์ และอภัยโทษให้แก่บรรดาผู้ศรัทธา ข้าแต่พระเจ้าของเรา พระองค์ท่านทรงแผ่ความเมตตาและความรอบรู้ไปทั่วทุกสิ่ง ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยแก่บรรดาผู้ลุแก่โทษ และดำเนินตามแนวทางของพระองค์ท่าน และทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษแห่งไพนรก
رَبَّنَا وَأَدْخِلْهُمْ جَنَّاتِ عَدْنٍ الَّتِي وَعَدتَّهُمْ وَمَن صَلَحَ مِنْ آبَائِهِمْ وَأَزْوَاجِهِمْ وَذُرِّيَّاتِهِمْ إِنَّكَ أَنتَ الْعَزِيزُ الْحَكِيمُ
ข้าแต่พระเจ้าของเรา และขอพระองค์ทรงให้พวกเขาได้เข้าในสวนสวรรค์หลากหลายอันสถาพร ซึ่งพระองค์ได้ทรงสัญญาแก่พวกเขาพร้อมทั้งผู้กระทำความดีจากบรรพบุรุษของพวกเขา และคู่ครองของพวกเขาและลูกหลานของพวกเขา แท้จริงพระองค์ท่านนั้นเป็นผู้ทรงมีอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
وَقِهِمُ السَّيِّئَاتِ وَمَن تَقِ السَّيِّئَاتِ يَوْمَئِذٍ فَقَدْ رَحِمْتَهُ وَذَٰلِكَ هُوَ الْفَوْزُ الْعَظِيمُ
และขอพระองค์ทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากความชั่วทั้งหลาย และผู้ใดที่พระองค์ทรงคุ้มครองให้พ้นจากความชั่วทั้งหลายในวันนั้นดังนั้นแน่นอนพระองค์ท่านทรงเมตตาแก่เขา และนั่นคือมันเป็นความสำร็จอันใหญ่หลวง (ฆอฟิรฺ : 7-9)