การมีชีวิตอยู่ในสภาพฆัยบะฮ์กว่า 12 ศตวรรษของอิมามอัล-มะฮ์ดี อ. เป็นความจริงหรือเป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาจากพวกชีอะฮ์

การมีชีวิตอยู่ในสภาพฆัยบะฮ์กว่า 12 ศตวรรษของอิมามอัล-มะฮ์ดี อ. เป็นความจริงหรือเป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาจากพวกชีอะฮ์

โดย เอกภาพ

การมีชีวิตอยู่ในสภาพฆัยบะฮ์กว่า 12 ศตวรรษของอิมามอัล-มะฮ์ดี อ.

นี่คืออีกเรื่องหนึ่ง ที่ศรัตรูอะห์ลุลบัยต์ใช้เป็นข้ออ้างทำการประณามเหยียดหยามชีอะฮ์ บางคนในหมู่พวกเขากล่าวด้วยการเยาะเย้ย และลบหลู่ อย่างรุนแรง เพราะพวกเขาถือว่าห่างไกลจากความเป็นจริงหรือเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์คนหนึ่งจะยังคงอยู่นานถึง 12 ศตวรรษ ในสภาพที่ยังมีชีวิต และซ่อนเร้นจากการมองเห็นของมนุษย์ทั้งหลาย

ส่วนมุสลิมที่เต็มไปด้วยความศรัทธาในหัวใจ จะไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่อัลลอฮ์ ซ.บ. จะให้คนๆหนึ่งมีชีวิตยืนยาวเพื่อฮิกมะฮ์บางอย่าง

อัล-กุรอ่าน อันทรงเกียรติ ก็มิได้ปฎิเสธความเชื่อถือนี้ ตั้งมากมายเท่าไหรที่อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงยกอุทาหรณ์ในเรื่องนี้แก่ผู้มีสติปัญญาเพื่อให้พวกเขามีอิสระเสรี และเบิกสายตาให้แก่ความคิดและสติปัญญาของพวกเขา เพื่อจะได้เชื่อมั่นและยอมรับว่าอัลลอฮ์ ซ.บ. นั้งทรงประทาน “สิ่งมหัศจรรย์” จำนวนมากมายให้เป็นบทเรียนและอุทาหรณ์แก่มนุษย์ เช่น

    เรื่องราวของอุซัยร์ ที่ตายไปเป็นเวลา 100 ปี

ทรงให้อุซัยร์ ตายไปเป็นเวลา 100 ปี ต่อมาทรงชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ เพื่อดูหาหารและเครื่องดื่มของเขาที่ยังไม่บูด และให้ดูไปยังลาของเขาว่า อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงทำให้กระดูกของมันป่นปี้ เนื้อของมันก็สลายไปหมดแล้ว ดังนั้นทรงนำมันกลับในสภาพเหมือนเดิม หลังจากที่กระดูกนั้นเป็นผุยผงไปแล้ว ครั้นเมื่อพระองค์อธบายแก่เขาว่า

{ أعْلَمُ أنَّ اللّهَ عَلَى كُلِّ شَيْء قَدِيرٌ }
จงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงมีความสามารถเหนือทุกสรรพสิ่ง

ซุบฮานัลลอฮ์ มันช่างเปลี่ยนแปลงได้เร็วมาก ขณะที่ก่อนหน้านั้น เขาเคยถือเป็นเรื่องแปลก และรู้สึกกว่าไกลจากความเป็นจริง เมื่อครั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองซึ่งถูกทำให้พังทะลายลงมาบนหลังคา เขาเคยกล่าวว่า

{ أنَّى يُحْيِي هَذِهِ اللّهُ بَعْدَ مَوْتِهَا }
พระองค์ทรงให้ชีวิตแก่เมืองนี้ได้ไฉน หลังจากที่มันตายไปแล้ว

 

    ท่านนบีอิบรอฮีม กับนก และการถูกจับโยนเข้ากองเพลิง

คนมุสลิมที่เชื่อถือต่ออัลลอฮ์ ซ.บ. อันทรงเกียรติจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับการที่ท่านนบีอิบรอฮีม อ. สับนกแล้วคละเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นก็แบ่งเป็นส่วนๆ และนำไปวางไว้บนภูเขา หลังจากนั้น ท่านก็เรียกนกเหล่านั้น ปรากฏว่ามันได้บินมาหาท่านอย่างสมบูรณ์

คนมุสลิมที่เชื่อถือต่ออัลลอฮ์ ซ.บ. อันทรงเกียรติจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับการที่ไฟกลายเป็นความเย็น ไม่เผาไหม้ และไม่ทำอันตรายใดๆ แก่ท่านนบีอิบรอฮีม อ. เมื่อท่านถูกโยนเข้าไป แล้วอัลลอฮ์ ซ.บ. ตรัสว่า

{ يَا نَارُ كُونِي بَرْداً وَسَلاماً }
โอ้ ไฟเอ๋ย จงเย็นลง และจงให้ความสันติ

 

    เรื่องมหัศจรรย์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับท่านนบีอีซา อ.

คนมุสลิมที่เชื่อถือต่ออัลลอฮ์ ซ.บ. อันทรงเกียรติจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับการที่ท่านนบีอีซา อ. ประสูติมาโดยที่มิได้มาจากเชื้ออสุจิของเพศชายคนใด เพราะท่านเกิดมาโดยไม่มีบิดา และท่านยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย และจะกลับมาในนี้อีก

มุสลิมที่เชื่อแล้วจะไม่รู้สึกประหลาดใจกับการที่ท่านนบีอีซา อ. ชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นชีพ รักษาคนใช้ คนเป็นโรคเรื้อน คนตาบอดให้หายได้

    เรื่องมหัศจรรย์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับท่านนบีมูซา อ.

คนมุสลิมที่เชื่อถือต่ออัลลอฮ์ ซ.บ. อันทรงเกียรติจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับการที่ทะเลแยกให้ท่านนบีมูซา อ. และบนีอิซรออีลเดินโดยไม่เปียก และการที่ไม้เท้ากลายเป็นงู น้ำในแม่น้ำไนล์กลายเป็นสีเลือด

    ปาฎิหารย์ของท่านนบีสุลัยมาน อ.

คนมุสลิมที่เชื่อถือต่ออัลลอฮ์ ซ.บ. อันทรงเกียรติจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับการที่ท่านนบีสุลัยมาน อ. พูดกับนก กับญิน และกับมด อีกทั้งได้ยกบังลังก์ของตนขึนอยู่บนพื้นเมฆ อีกทั้งยังได้นำบังลังก์ของนางบิลกิสมาได้ในชั่วพริบตา

    เรื่องของชาวถ้ำ

คนมุสลิมที่เชื่อถือต่ออัลลอฮ์ ซ.บ. อันทรงเกียรติจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับการที่อยู่ในถ้ำตายไปสามร้อยปี และเพิ่มไปอีกเก้าปี หลังจากนั้นทรงให้พวกเขาฟื้นชีพขึ้นมา ปรากฏว่าหลานเหลนของพวกเขาอายุแก่กว่าปู่ของปู่

    เรื่องราวของท่านนบีคิฏีร อ.

คนมุสลิมที่เชื่อถือต่ออัลลอฮ์ ซ.บ. อันทรงเกียรติจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับการที่ท่านนบีคิฏีร อ.ยังมีชวิตอยู่ ยังไม่ตายทั้งๆที่ท่านเคยพบกับนบีมูซา อ.

ทุกสิ่งทุกอย่างที่อัล-กุรอ่านได้กล่าวไว้ ยังมีมากมายอีกหลายเท่าจากที่เราได้นำมากล่าวเป็นข้อสรุปโดยสังเขปในที่นี้ ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นถือได้ว่ามิได้เป็นเรื่องธรรมดา และมิได้เป็นเรื่องปกติตามสามัญสำนึกของมนุษย์รา ไม่มีใครสามารกระทำได้ ถึงแม้จะร่วมกันสักแค่ไหนก็ตาม

มันเป็นแต่เพียงงานบันดาลของอัลลอฮ์ ซ.บ. เท่านั้น ซึ่งในสากลจักรวาลนี้ไม่มีอะไรสักสิ่งเดียวที่จะชนะพระองค์ได้ และไม่มีอะไรที่จะมาขัดขวางพระประสงค์ของพระองค์องค์เลย

ฉะนั้น เราชาวชีอะห์ผู้มีความศรัทธาที่มั่นคงในอำนาจของอัลลอฮ์ ไม่รู้สึกแปลกใจกับการปรากฏของสิ่งเหล่านี้ แล้วจะให้เราแปลกใจกระนั้นหรือ กับการดำรงอยู่ของอิมาม อัล-มะฮ์ดี อ. ในสภาพที่ลึกลับ เพียงชั่วขณะระยะหนึ่งของกาลเวลาโดยวิทยปัญญาของอัลลอฮ์ ซ.บ. ที่ทรงประสงค์อย่างนั้น

แต่ชาวชีอะห์ มิได้สร้างเรื่องขึ้นมา และมิได้ทำการกุเรื่องเท็จ อีกทั้งมิได้เชื่ออย่างงมงายอย่างที่บรรดาผูมีอคติในหมู่ศัตรูของพวกเขาเชื่อถือ ด้วยเหตุนี้พวกเขายังคงยึดมั่นว่า อัล-มะฮ์ดี นั้น ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านยังได้รับปัจจัยเครื่องยังชีพ แต่ท่านอยู่ในสภาพที่เร้นลับโดยวิทยปัญญาที่อัลลอฮ์ ซ.บ. ทรงประสงค์ แน่นอนที่สุดบรรดาผู้สันทัดในวิชาการ{الراسخون في العلم}และบรรดาเอาลิยาฮ์ของพวกเขาต่างมีความรู้แจ้งในสิ่งนี้ เขาเหล่านั้นขอดุอาฮ์ในเวลาพวกเขานมาซว่า

“โอ้อัลลอฮ์ ได้โปรดเร่งเวลาการปรากฏกายของท่านผู้ทรงเกียรตินี้ด้วยเถิด เพราะการปรากฏตัวขึ้นมาของท่านนั้น หมายถึงเกียรติยศของมวลมุสลิม และความผาสุก อีกทั้งชัยชนะของพวกเขา และเพื่ออัลลอฮ์ ซ.บ. จะทรงประทานสมบูรณ์อย่างพร้อมสรรพให้แก่รัศมีของพระองค์ ถึงแม้ว่าพวกกกาฟิรจะรังเกียจก็ตาม”

ในความเป็นจริงแล้วความขัดแย้ระหว่างซุนนะห์และชีอะห์ในเรื่องของอิมาม อัล-มะฮ์ดี อ. นั้น มิได้มีความรุนแรงอะไรมากมาย ตราบใดที่พวกเขายังเชื่อมั่นว่า ท่านอิมามมะฮ์ดี อ. จะต้องปรากฏในยุคสุดท้ายอยู่ และยังเชื่อว่านบีอีซา อ. จะมนมาซตามหลังท่าน และยังเชื่อว่าท่านจะมาสถาปนาความเที่ยงธรรมและยุติธรรมจนเต็มไปทั้งหน้าแผ่นดิน เหมือนอย่างที่ความอธรรมและความชั่วร้ายเคยเนืองนองมาก่อน และบรรดามุสลิมจะได้ครอบครองผืนแผ่นดินทุกส่วนในยคุสมัยของท่าน และความผาสุกจะครอบคลุมไปทั่วจนกระทั่งไม่มีคนยากจนเหลือยู่เลย