เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

การสนทนาระหว่างอิมามอะลี อิบนุ ฮุเซน ซัยนุลอาบิดีน (อ.) กับยะซีด

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

การสนทนาระหว่างอิมามอะลี อิบนุ ฮุเซน ซัยนุลอาบิดีน (อ.) กับยะซีด

 

 

หลังจากเหตุการณ์อาชูรอ จบสิ้นสุด

ยะซีดผู้ปกครองในสมัยนั้น ได้สั่งให้นำเชลยศึกเข้าไปหาในสภาพที่ถูกพันธนการไว้ด้วยกับโซ่ตรวน เป็นที่สังเวชใจแก่ผู้พบเห็น เป็นยิ่งนัก

ท่านอิมามอะลี อิบนุ ฮุเซน (อ.) ได้กล่าวขึ้นว่า โอ้ ยะซีด เจ้าไม่คิดหรือว่าท่านศาสดาจะรู้สึกอย่างไร ในขณะที่ข้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ผู้คนทั้งหลายต่างร่ำไห้เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น

 

กวีคนหนึ่งได้ขึ้นบนมิมบัรตามคำสั่งของยะซีด แล้วอ่านคำกลอนด่าประณามท่านอิมามอะลี อิมามฮะซัน และอิมามฮุเซน (อ.) พร้อมกับสรรเสริญมุอาวิยะฮฺ

 

ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) จึงได้หันไปกล่าวคำปราศรัยเพื่อตอบโต้เขาด้วยความโกรธเคืองว่า “ความวิบัติจงประสบกับเจ้า โอ้ นักพูดเอ๋ย แน่นอน เจ้าได้แลกเอาความพึงพอใจของสิ่งถูกสร้าง ด้วยการทรยศต่อพระผู้สร้าง ดังนั้น จงเตรียมที่นั่งของเจ้าในนรกเถิด”

 

จากนั้นท่านอิมาม (อ.) ได้หันไปทางยะซีด พร้อมกับกล่าวว่า แกจะยอมให้ข้าขึ้นบนมิมบัรไหม เพื่อกล่าวถ้อยคำอันเป็นที่พึงพอพระทัยของพระเจ้า เพื่อให้ผู้คนในที่นี้ได้รับรางวัลและการตอบแทนที่ดีงาม

 

ยะซีด ปฏิเสธพลางกล่าวว่า หากท่านขึ้นมิมบัร ท่านก็จะไม่ลงมาอย่างแน่นอน จนกว่าจะกล่าวถึงความน่าอับอายของฉันและวงศ์วานของอบูซุฟยาน

 

แต่หลังจากที่ประชาชนรบเร้าหลายครั้งว่า ขอให้ท่านอิมาม (อ.) พูด ยะซีดจึงจำเป็นต้องยอมให้อิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) ท่านอิมาม (อ.) ได้ขึ้นมิมบัรหลังจากกล่าวสรรเสริญและสดุดีอัลลอฮ์แล้ว  ท่านได้กล่าวว่า

“ประชาชนทั้งหลาย จงฟังพวกเรา เราได้รับมอบความดีไว้ 6 ประการ และได้รับเกียรติ 7 ประการ กล่าวคือ เราได้รับมอบความรู้ ความสุขุมคัมภีรภาพ  ความมีใจอ่อนโยน ความสันทัดในการพูด ความกล้าหาญ และความรักในหัวใจของผู้ศรัทธา และเราได้รับเกียรติให้คนในตระกูลของเราเป็นศาสดาผู้ถูกคัดเลือก และในพวกเรามีอัฏฏ็อยยาร (ผู้มีปีกบินในสวรรค์ หมายถึงท่านญะอฺฟัร ฏ็อยยาร พี่ชายของท่านอิมามอะลี) ในหมู่พวกเรามีราชสีห์แห่งอัลลอฮ์ ราชสีห์แห่งศาสนทูตของพระองค์ (หมายถึงท่านอิมามอะลี) ในหมู่พวกเรามีประมุขของบรรดาสตรี (ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ) และในหมู่พวกเรามีผู้สืบเชื้อสายแห่งตระกูลของศาสดาแห่งประชาชาตินี้ (หมายถึงท่านอิมามฮะซันและอิมามฮุเซน)

 

ประชาชนทั้งหลาย ผู้ใดเคยรูจักฉันมาแล้ว แน่นอน เขาก็ได้รู้จักฉันแล้ว แต่ถ้าใครยังไม่รู้จักฉัน ฉันก็จะบอกเขาให้รู้จักเกี่ยวกับสถานภาพและชาติตระกูลของฉัน

 

ฉันคือ บุตรของเมืองมักกะฮ์และมินา

 

ฉันคือ บุตรของบ่อน้ำซัมซัมและศอฟา

 

ฉันคือ บุตรของผู้เดินทางในยามค่ำคืนจากมัสญิดอัลฮะรอมไปยังมัสญิดอัลอักซอ (เมียะรอจญ์

 

ฉันคือ บุตรของผู้ที่ญิบรออีลไปพาเขาไปจนถึงยังซิรอตุลมุนตะฮา

 

ฉันคือ บุตรของบุตรของผู้ได้เข้าถึงบัลลังก์ (อะรัช) ของอัลลอฮ์ อย่างใกล้ชิดเพียงแค่สองคันธนูที่โก่งเข้าหากัน หรือใกล้ชิดมากกว่านั้น (หมายถึงฐานะแห่งความเป็นบุตรของท่านศาสดา)

 

ฉันคือ บุตรของมุฮัมมัด อัลมุศฏอฟา (ผู้ถูกเลือกสรร)

 

ฉันคือ บุตรของอะลี อัลมุรตะฎอ (ผู้ได้รับความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮ์)”

 

ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) ยังได้เปิดเผยถึงชาติตระกูลอันบริสุทธิ์ของท่านต่อไป จนกระทั่งถึงตอนที่กล่าวถึงรายละเอียดของโศกนาฎกรรมแห่งกัรบะลาอ์ ประชาชนต่างตะลึงงันกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และผู้คนทั้งหลายต่างร่ำไห้ ยะซีดกลัวว่าความเดือดร้อนจะคืนกลับมาสนองตัวเอง จึงส่งสัญญาณให้ผู้อะซาน ประกาศเสียงอะซาน เพื่อตัดตอนคำปราศรัยของท่านอิมาม (อ.)

 

เสียงผู้อะซานกล่าวก้องกังวานว่า อัชฮะดุอันลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์)

 

อิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) กล่าวตอบรับว่า เลือดเนื้อของฉันได้ปฏิญาณเช่นนั้นแล้ว

 

ผู้อะซานกล่าวว่า อัชฮะดุอันนะมุฮัมมะดัรเราะซูลลัลลอฮฺ (ข้าขอปฏิญาณว่า แท้จริงมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์)

 

อิมาม (อ.) ได้หันไปหายะซีด พร้อมกับพูดกับเขาว่า มุฮัมมัดคนนี้เป็นตาทวดของข้าหรือ หรือเป็นตาทวดของเจ้า ถ้าเจ้ากล่าวอ้างว่าเป็นตาทวดของเจ้า แน่นอน เจ้าพูดโกหก แต่ถ้าเจ้ากล่าวว่าเป็นตาทวดของเรา แล้วทำไมเจ้าจึงสังหารลูกหลานของท่าน

 

ยะซีดกลัวว่าจะมีการปฏิวัติขึ้นในซีเรียจึงได้สั่งให้ส่งเชลยกลับไปยังมะดีนะฮ์เป็นการด่วน บรรดามุสลิมต่างรู้สึกเสียใจกับท่าทีการปฏิบัติตัวของยะซีดที่มีต่อท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) และต่อความอยุติธรรมของยะซีดที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

 

ทหารของเขาได้โจมตีเมืองมะดีนะฮ์และอยู่ที่นั่นต่ออีกสามวันเพื่อปล้นสะดมภ์และสังหารชาวมะดีนะฮ์ไปนับหมื่นคน จากนั้นกองกำลังของยะซีดได้ปิดล้อมเมืองมักกะฮ์และถล่มวิหารกะอ์บะฮฺ ด้วยการยิงธนูเพลิงเข้าใส่จนเกิดเพลิงไหม้ขึ้น

 

อิมามซัยนุลอาบิดีนกับผู้ปกครองร่วมสมัย

 

แต่อัลลอฮ์ก็ไม่ปล่อยให้ยะซีดมีชีวิตอย่างสงบสุข เพราะในปีฮิจญฺเราะฮฺศักราชที่ 64

 ยะซีดก็จบชีวิตลงด้วยความอัปยศอดสูที่สุด เพราะพิษสุราเรื้อรัง หลังจากสิ้นยะซีดไปแล้ว มุอาวิยะฮ์ที่สองบุตรของเขาก็ขึ้นดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์สืบต่อ แต่ได้ถอนตัวออกจากตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ไป เนื่องจากตระหนักดีถึงความอยุติธรรมของยะซีดผู้เป็นบิดา ที่ได้ละเมิดสิทธิในตำแหน่งนี้มาจากเจ้าของที่แท้จริง ดังนั้น มัรวานจังประกาศตัวขึ้นเป็นเคาะลีฟะฮ์แทน และชาวเมืองซีเรียก็ให้สัตยาบันแก่เขา

 

ในขณะเดียวกัน อับดุลลอฮ์ บิน ซุเบร ก็ได้ประกาศตัวเป็นเคาะลีฟะฮ์ขึ้นที่ เมืองฮิญาซ (หมายถึงคาบสมุทรอาหรับ ที่มีเมืองมักกะฮ์และมะดีนะฮ์เป็นศูนย์กลาง) และทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองอัลกะอ์บะฮ์

 

อิมามซัยนุลอาบิดีนกับอับดุลมาลิก บิน มัรวาน และฮิชาม

ในปีฮิจญ์เราะฮฺศักราชที่ 73 อับดุลมาลิก บิน มัรวาน ได้เคลื่อนพลเข้ามาล้อมเมืองมักกะฮ์อีกครั้งหนึ่ง และใช้ธนูเพลิงยิงเข้าใส่อัลกะอ์บะฮฺ และในที่สุด อับดุลลอฮ์ บิน ซุเบรก็ถูกสำเร็จโทษ

 

อับดุลมาลิก ได้ใช้อำนาจอย่างเด็ดขาดกับทุกคนที่ต่อต้าน เขาได้ให้อำนาจการปกครองเมืองบัศเราะฮ์และกูฟะฮ์แก่คนผู้หนึ่ง ที่เป็นผู้กระหายเลือดและก่อการนองเลือดมากที่สุดในบรรดานักปกครองทั้งหลายนั่นคือ ฮัจญาจ บิน ยูซุฟ อัลซะกอฟี กล่าวคือ เขาได้สังหารบรรดาผู้บริสุทธิ์และจับผู้คนทั้งชายและหญิงจำนวนมากมายมหาศาลมาขังคุกและประหารชีวิต

 

อับดุลมาลิก เผ้าติดตามดูอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) อย่างใกล้ชิด บรรดาผู้สอดแนมจะคอยตรวจความเคลื่อนไหวของท่านอยู่ทุกฝีก้าว ถึงกระนั้นก็ตาม เขายังได้สั่งให้จับตัวท่านอิมาม (อ.) ส่งไปยังเมืองซีเรีย และต่อมาในภายหลังก็ได้ปล่อยตัวไป

อับดุลมาลิก ได้เสียชีวิตลง อำนาจการปกครองจึงถ่ายโอนให้แก่ฮิชาม ครั้งหนึ่งฮิชามได้ไปบำเพ็จญฮัจญ์ และเดินเวียนรอบบัยตุลลอฮ์ และพยายามจะเข้าไปจุมพิตหินดำ แต่เขาเหนื่อยจนหอบเพราะคนแออัดดันมาก เขาจึงนั่งรอโดยมีชาวซีเรียยืนรายล้อมเข้าอยู่

ในขณะนั้นเอง อิมามซัยนุลอาบิดดีน (อ.) ก็ได้ก้าวเข้ามาอย่างงามสง่า แล้วเวียนรอบๆ บัยตุลลอฮ์ครั้นมาถึงตรงหินดำ ประชาชนได้แหวกทางเดินให้และยืนแสดงความเคารพคารวะ จนกระทั่งท่านได้เข้าไปแสดงความคารวะและจุมพิตหินดำ เมื่อท่านออกไปแล้วผู้คนก็กลับไปทำพิธีเวียนรอบของพวกเขาตามเดิม

 

ชาวซีเรียยังไม่เคยรู้จักท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) เมื่อได้เห็นเช่นนั้นก็ซักถามกันเองถึงเรื่องราวของบุรุษผู้นี้ ฮิชามก็ได้แสร้งว่าตนเองก็ไม่รู้จักด้วย โดยกล่าวว่า ข้าก็ไม่รู้จักเขาเหมือนกัน

 

ฟะร็อซดัก นักกวีเอกซึ่งอยู่ที่นั้นด้วย ได้ร่ายบทกวีที่จัดว่าไพเราะมากที่สุดบทหนึ่งในบรรดากวีนิพนธ์ของชาวอาหรับ เมื่อเขาได้กล่าวตอบคำถามของชาวซีเรียในครั้งนี้ว่า

 

นี้คือ บุรุษผู้ใจบุญ รู้จักเรื่องราวการถือกำเนิดของเขา (หมายถึงท่านศาสดา)

 

บัยตุลลอฮ์ อีกทั้งจนในเขตอนุญาตและในเขตหวงห้ามต่างก็รู้จักเขา

 

นื่คือ บุตรของคนที่ดีทีที่สุดในหมู่ปวงบ่าวของอัลลอฮ์ทั้งหมด

 

นี้คือ ผู้สำรวมตนที่บริสุทธิ์ ผู้สะอาดแห่งพิภพ

 

นี้คือ บุตรของฟาฏิมะฮ์ มาตรว่าท่านยังไม่รู้จักเขา

 

บรรดาศาสดาแห่งอัลลอฮ์ ได้ประทับตรารับรองความสมบูรณ์ก็โดยตามทวดของเขานี้เอง

 

ขอขอบคุณเว็บไซต์อัชชีอะฮ์

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม