เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ชีวประวัติของท่านมุฮัมมัด บิน อะบูบักร์

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

 

ชีวประวัติของท่านมุฮัมมัด บิน อะบูบักร์

 

มุฮัมมัด บิน อะบูบักร์ คือ บุตรชายคนหนึ่งของท่านอะบูบักร์ บิน อะบีกุฮาฟะฮ์

ท่านถือกำเนิด เมื่อวันที่ 25 เดือนซุลเกาะดะฮ์ ในปีสุดท้ายแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช (ปีที่สิบ) ณ สถานที่ ซุลฮุลัยฟะฮ์  อยู่ระหว่างทางเมืองมะดีนะฮ์และมักกะฮ์ (1)

สมญานามของท่าน คือ อะบุลกอซิม(2) ซึ่งพี่สาวของท่าน อาอิชะฮ์ เป็นผู้ตั้งให้ (3)

มารดาของท่าน คือ ท่านหญิงอัสมาอ์ บินติ อุมัยส์ เป็นน้องสาวของท่านหญิงมัยมูนะฮ์ ภรรยาศาสนาทูตแห่งอัลลอฮ์  ซึ่งท่านหญิงเคยแต่งงานกับท่านญะอ์ฟัร บิน อะบูฏอลิบ และนางร่วมเดินทางอพยพยังดินแดนฮะบะชะฮ์(เอธิโอเปีย)กับท่านญะอ์ฟัร และใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ที่นั้น และมีบุตรและธิดาด้วยกัน หลังจากที่ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้ฮิจเราะฮ์ยังเมืองมะดีนะฮ์ นางก็ร่วมเดินทางมาด้วยเหมือนกับบุคคลอื่นๆ และได้ใช้ชีวิตต่อไปที่มะดีนะฮ์ จนท่านญะอ์ฟัรได้เป็นชะฮีด  และหลังจากที่ท่านญะอ์ฟัรได้เป็นชะฮีด ท่านหญิงได้แต่งงานกับท่านอะบูบักร์ และผลจากการแต่งงานนั้น คือ การถือกำเนิดของท่านมุฮัมมัด นั่นเอง

ท่านมุฮัมมัด ขณะที่ท่านยังเยาว์วัยอยู่ ท่านได้สูญเสียบิดาของท่าน  และท่านหญิงอัสมาอ์ ได้แต่งงานกับท่านอิมามอะลี หลังจากการเสียชีวิตของท่านอะบูบักร์ ด้วยเหตุนี้ ท่านมุฮัมมัด ได้รับการเลี้ยงดูในบ้านของท่านอิมามอะลี (อ) (4)

และจากการถูกอบรมสั่งสอนจากท่านอิมามอะลี (อ) และอยู่ในการดูแลของท่านอิมาม  เห็นได้อย่างชัดว่า ท่านมุฮัมมัดนั้น มีวิสัยทัศน์และความคิดเหมือนกับท่านอิมามอะลี อีกทั้งในหลักความศรัทธาและการปฏิบัติก็นำเอาท่านอิมามมาเป็นแบบอย่าง

ท่านมุฮัมมัด ได้ร่วมในสมรภูมิญะมัล และศิฟฟีน เคียงข้างท่านอิมามอะลี (อ) (5)

ท่านมุฮัมมัด ได้มีบุตรชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า กอซิม และได้แต่งงานกับบุตรีคนหนึ่งของท่านอิมามมุฮัมมัด อัลบากิร (อ) และท่านอิมามญะอ์ฟัร อัศศอดิก ได้ถือกำเนิดจากสตรีคนนี้(6)

 

บทบาทของมุฮัมมัด บิน อะบูบักร์ในการสังหารท่านอุสมาน

เหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญที่ท่านมุฮัมมัดร่วมมีบทบาท คือ การสังหารท่านอุสมาน ซึ่งประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้อย่างนี้ กล่าวคือ กลุ่มชนจำนวนหนึ่งเกิดความไม่พอใจพฤติกรรมของผู้ปกครองของเมืองมิศร์(อียิปต์)ได้มารวมตัวกัน ณ มัสยิดุนนะบี และทำการฟ้องร้องต่อบรรดาอัศฮาบของท่านศาสนทูตให้นำเรื่องนี้ไปแจ้งกับท่านอุสมาน บิน อัฟฟาน ซึ่งท่านเป็นคอลีฟะฮ์ในสมัยนั้น แล้วบรรดาอัศฮาบได้บอกเรื่องนี้กับท่านอุสมานและตักเตือนท่านอุสมาน จนในที่สุดท่านอุสมาน ได้บอกกับกลุ่มชนนั้นให้หาผู้ที่มีความเหมาะสมมาแทน และพวกเขาได้เลือกท่านมุฮัมมัด บิน อะบูบักร์ เป็นผู้ปกครอง ด้วยเหตุนี้ ท่านอุสมานจึงได้เขียนจดหมายเพื่อทำการปลดผู้ปกครองคนเก่าออก และแต่งตั้งท่านมุฮัมมัด บิน อะบูบักร์เป็นผู้ปกครองแทน และได้ส่งให้กับกลุ่มชนที่มาจากเมืองอียิปต์ เพื่อไปให้กับผู้ปกครองและท่านมุฮัมมัด พร้อมกับบรรดาอันศอรและมุฮาญิร และกลุ่มชนจากอียิปต์ ก็ออกเดินทาง เมื่อมาถึงระหว่างทางได้พบกับทาสผิวดำก็เกิดการทะเลาะวิวาทกัน และในที่สุดทาสผิวดำคนนั้นได้แย่งจดหมายของท่านอุสมานไปและได้อ่านซึ่งมีใจความว่า เมื่อมุฮัมมัด บิน อะบูบักร์และพรรคพวกจากบรรดาชาวอันศอรและมุฮาญิร ได้มาถึงยังเจ้า ขอให้เจ้าจับตัวพวกเขาและสังหารให้หมดทุกๆคน

และเมื่อจดหมายได้อ่านไปแล้วนั้น จึงทำให้กลุ่มชนเกิดความไม่พอใจ ก็ย้อนกลับมายังเมืองมะดีนะฮ์อีกครั้ง  และได้เข้าหาบรรดาอัศฮาบเพื่อแจ้งข่าวเกี่ยวกับจดหมายนั้น และเมื่อความจริงเป็นที่ประจักษ์ พวกเขาจึงทำการล้อมบ้านและปิดกั้นน้ำกับท่านอุสมาน (7)

ท่านมุฮัมมัด คือหนึ่งในแกนนำที่ทำการต่อต้านท่านอุสมาน ท่านได้บุกเข้ามาในบ้านพร้อมกับกลุ่มชนจำนวนหนึ่ง ท่านนั้นได้ชกไปที่ตัวท่านอุสมานจนล้มลงและขึ้นนั่งบนหน้าอกของเขาและตะคอกถามว่า มุอาวียะฮ์ จะไม่มาช่วยเหลือเจ้าหรือ?  อิบนุ อามิร , อิบนุ อะบีซัรฮ์ ก็เช่นกัน จะไม่มาช่วยเหลือเจ้าหรอก?

ท่านอุสมานได้ตอบไปว่า ถ้าหากบิดาของเจ้าอยู่ เห็นสภาพฉันเป็นแบบนี้ ก็คงร้องไห้ให้กับฉัน

เมื่อท่านมุฮัมมัด ได้ยินถ้อยคำนั้น ก็ละจากตัวของท่านอุสมาน แล้วออกจากบ้านไป

ท่านมุฮัมมัด ผู้อยู่เคียงข้างท่านอิมามอะลี และท่านอิมามได้กล่าวถึงเขา

ท่านมุฮัมมัด คือผู้หนึ่งที่อยู่เคียงข้างท่านอิมามอะลี เมื่อถึงเวลาออกสู่สมรภูมิ ท่านก็ได้ออกรบเคียงข้างและปกป้องท่านอิมามอะลี ในสมรภูมิญะมัล (สงครามช้าง) ท่านอิมามได้ส่งท่านมุฮัมมัดพร้อมกับบรรดาศอฮาบะฮ์ บางคน เช่น ท่านอัมมาร บิน ยาซีร ไปยังเมืองกูฟะฮ์ เพื่อเชิญชวน ท่านอะบู มูซา อัชอะรีย์ และประชาชนชาวเมืองกูฟะฮ์มาเข้าร่วมการญิฮาด(ต่อสู้)ในแนวทางแห่งอัลลอฮ์ (9)

ท่านมุฮัมมัด ในสมรภูมิญะมัล คือ ผู้หนึ่งที่คัดค้านท่านหญิงอาอิชะฮ์ ผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวของท่าน

อีกทั้งในสมรภูมิศิฟฟีน ท่านนั้นก็อยู่ฝ่ายท่านอิมามอะลี และร่วมรบเคียงข้างท่านอิมาม (10)

ในสงครามนี้ ท่านมุฮัมมัดได้เขียนจดหมายถึงมุอาวียะฮ์และได้อธิบายเกี่ยวกับความประเสริฐของท่านอิมามอะลี ว่า

... فکان أول من أجاب و أناب، و أسلم و سلّم، أخوه و ابن عمه علی بن أبی طالب (ع)، فصدقه بالغیب المکتوم، و آثره على کلّ حمیم، و وقاه من کل مکروه. و واساه بنفسه فی کلّ مخوف، و قد رأیتك تساویه و أنت أنت و هو هو، المبرز و السابق لکل خیر، و أنت اللعین بن اللعین لم تزل أنت و أبوك تبعضان و تبغیان فی دین الله الغوائل، و تجتهدان فی إطفاء نور الله، تجمعان الجموع على ذلک، و تبذلان فیه الأموال، و تحالفان علیه القبائل. على ذلك مات أبوك، و علیه خلفته أنت، فکیف ـ لك الویل ـ تعدل عن علي و هو وارث علم رسول الله و وصیه، و أول الناس له اتباعا و آخرهم به عهدا؟ و أنت عدوه و إبن عدوه، فتمتع بباطلك ما استطعت، و تبدّد بابن العاص فی غوایتك فکأن أجلك قد انقضى، و کیدك قد وهى، ثم تستبین لك لمن تکون العاقبة العلیا، و السلام على من اتبع الهدى.

“คนแรกที่ตอบรับคำเชิญชวนให้รับอิสลาม จากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ คือ ลูกพี่ลูกน้องของเขา นั่นคือ ท่านอะลี บิน อะบีฏอลิบ ผู้ที่ยอมรับคำกล่าวของท่านศาสนทูตในยามซ่อนเร้น และเปิดเผยให้กับบรรดาญาตผู้ใกล้ชิด  และเป็นผู้ที่ปกป้องอันตรายให้กับท่านศาสนทูตด้วยชีวิต เป็นผู้เพียรพยายามให้การขจัดอุปสรรคปัญหาต่างๆที่รุมเร้าท่านศาสนทูตจากการรังแกกลั่นแกล้งของบรรดาศัตรู วันนี้ เจ้าเห็นแล้วมิใช่หรือว่า อะลี คือ ผู้ที่ควรค่าต่อยกย่องด้วยเกียรติและความภาคภูมิใจ  ในขณะที่เจ้าคือเจ้า เขาก็คือเขา ดังนั้นเขาคือ ผู้ดำรงไว้ซึ่งคุณงามความดีทั้งมวล และเจ้าคือผู้ที่ถูกสาปแช่ง (ละอ์นัต)  บุตรของผู้ที่ถูกสาปแช่ง เจ้าและบิดาของเจ้า คือ ผู้ที่ต่อต้าน อีกทั้งเป็นศัตรูกับท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ในศาสนาของพระองค์  พวกเจ้าทั้งสองต้องการที่จะดับรัศมีแห่งอัลลอฮ์ ด้วยกับการริดรอนสิทธิและทรัพย์สินของประชาชน จนบิดาของเจ้าได้จากโลกนี้ไปแล้ว เจ้าเป็นตัวแทนของเขา  แล้วเจ้าจะเทียบกับอะลีได้อย่างไร เขาคือผู้สืบทอด(เจตนารมณ์)ของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ และเป็นคนแรกที่ให้สัญญาและเป็นคนสุดท้ายที่รักษาสัญญานั้นกับท่านศาสนทูต ส่วนเจ้าและบิดาของเจ้า คือศัตรูของท่าน ดังนั้นเจ้าจงใช้ประโยชน์จากแนวทางที่เจ้า นั่นคือแนวทางที่ผิดพลาดและหลงทาง เจ้าจงขอความช่วยเหลือจากอิบนุ อาศ ผู้วางแผนการร้ายให้เจ้า และสุดท้ายเจ้าจะตระหนักว่า ผลลัพท์ในบั้นปลายชีวิตนั้นอยู่ที่ใด เพราะฉะนั้นขอสดุดีต่อผู้ได้รับทางนำจากพระผู้เป็นเจ้า” (11)

จากจดหมายแสดงให้เห็นถึงความเชื่อและศรัทธาของท่านมุฮัมมัดที่มีต่อท่านอิมามอะลี (อ)

หลังจากสิ้นสุดสงครามศิฟฟีน ท่านอิมามอะลี (อ) ได้แต่งตั้งท่านมุฮัมมัด เป็นผู้ปกครองเมืองอียิปต์ ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในโลกอิสลาม(12)

ท่านอิมามอะลีได้เขียนจดหมายถึงท่านมุฮัมมัด เกี่ยวกับรากฐานระบบรัฐศาสตร์การปกครองของอิสลาม (13)

อียิปต์ในยุคสมัยนั้น ถือว่าเป็นจุดสำคัญของการปกครองในระบอบอิสลาม และมุอาวียะฮ์ก็ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่นกัน ซึ่งมีปัญหาต่างๆมากมายเกิดขึ้นที่เมืองนี้

และท่านอิมามอะลีได้ตัดสินใจส่งท่านมาลิก อัลอัชตัร นะคออีย์ ไปแทนที่ท่านมุฮัมมัด  เมื่อข่าวการมาของมาลิกถึงยังท่านมุฮัมมัด ก็เกิดความไม่พอใจ โดยเขาได้เขียนจดหมายถึงท่านอิมามอะลี  และท่านอิมามอะลีได้แจ้งถึงเหตุผลที่ต้องส่งท่านมาลิกไป

แต่ยังไม่ทันที่จดหมายของมาลิกมาถึงยังท่านมุฮัมมัด มาลิกก็อำลาโลกนี้ด้วยการเป็นชะฮีดจากการกินอาหารที่มียาพิษ ดังนั้นท่านมุฮัมมัดจึงเป็นผู้ปกครองเมืองอียิปต์ต่อไป จนในที่สุดท่านก็เป็นชะฮีดเช่นกัน จากกองทัพของชาม ส่วนร่างศพของท่านถูกบรรดาศัตรูเอาไปไว้ในท้องของลา และทำการเผาศพของท่าน (17)

ท่านอิมามอะลีเมื่อรับทราบข่าวการเป็นชะฮีดของท่านมุฮัมมัด ก็กล่าวว่า

إن حُزننا علیه على قدر سرورهم به، إلا أنّهم نقصوا بغیضاً، و نقصنا حبیباً

 

“แท้จริงความโศกเศร้าของพวกเรา คือ ความยินดีของพวกเขาชาวชาม(ซีเรีย) จงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงพวกเขาได้ทำลายศัตรูของพวกเขา แต่เขา(มุฮัมมัด)นั้น คือผู้เป็นที่รักของเรา”(18)

 

 

 

แหล่งอ้างอิง

 

1.อัลอิศอบะฮ์ ฟีย์ ตัมยีซ อัศศอฮาบะฮ์ , อิบนุ ฮะญัร อัซกอลานี อะฮ์มัด บิน อะลี , เล่ม 6 หน้า 194

2.อัลอิสตีอาบ ฟีย์ มะอ์ริฟะตุลอัศฮาบ , อิบนุ อับดุลบัร ยูซุฟ บิน อับดุลลอฮ์

3.อะซะดุลฆอบะฮ์ ฟีย์ มะอ์ริฟะตุศศอฮาบะฮ์ , อิบนุ อะษีร อะบูลฮะซัน อะลี บิน มุฮัมมัด เล่ม 4 หน้า 326

4.อัลอิสตีอาบ ฟีย์ มะอ์ริฟะตุลอัศฮาบ , เล่ม 4 หน้า 1784 - 1785

5.อัลอิสตีอาบ ฟีย์ มะอ์ริฟะตุลอัศฮาบ เล่ม 3 หน้า 1366

6.อัลกาฟีย์ กุลัยนี มุฮัมมัด บิน ยะกูบ เล่ม 1 หน้า 472

7.อัลอิมามะฮ์ วัซซิยาซะฮ์ (ตารีคุลคุละฟาอ์)อิบนุกุตัยบะฮ์ อัดดัยนูรีย์ อะบูมุฮัมมัด อับดุลลอฮ์ บิน มุสลิม เล่ม 1 หน้า 55 - 56

8.อัลบิดายะฮ์ วันนิฮายะฮ์ อิบนุ กะษีร ดะมัชกีย์ เล่ม 7 หน้า 184

9.อัลอิมามะฮ์ วัซซิยาซะฮ์ เล่ม 1 หน้า 84

10. .อะซะดุลฆอบะฮ์ ฟีย์ มะอ์ริฟะตุศศอฮาบะฮ์ เล่ม 4 หน้า 326

 

11.อัลอิฮ์ติญาจญ์ อะลา อะลิลุญัจญ์ ฏอบรอซีย์ อะฮ์มัด บิน อะลี  เล่ม 1 หน้า 399

12.อัลอิสตีอาบ ฟีย์ มะอ์ริฟะตุลอัศฮาบ เล่ม 3 หน้า 1366

13.นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ชะรีฟ อัรริฎอ มุฮัมมัด บิน ฮุเซน จดหมายที่ 27

15.บิฮารุลอันวาร มุฮัมมัดบากิร อัลมัจญ์ลิซีย์ เล่ม 33 หน้า 557

16.อัลฆอรอต เอา อัลอิสตินฟาร วัลฆอรอต ซะกอฟีย์ อิบรอฮีมบิน มุฮัมมัด บิน ซะอีด บิน ฮิลาล เล่ม 1 หน้า 259 - 260

17.อัลอิสตีอาบ ฟีย์ มะอ์ริฟะตุลอัศฮาบ เล่ม 3 หน้า 1366

18. .นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ หน้า 532

 

แปลและเรียบเรียงโดย อิบนุมุฮัมมัด

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม