ฟาฏิมะฮ์
ฟาฏิมะฮ์
ฟาฏิมะฮ์ (ซ.) รู้จักกันในนาม ฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ.) (ภาษาอาหรับ: السيدة فاطمة الزهراء عليها السلام) (ถือกำเนิดในปีที่ 5 แห่งบิอ์ษัต-ปีที่ 11 แห่งฮิจเราะฮ์ศักราช) คือ บุตรีของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กับท่านหญิงคอดีญะฮ์ (ซ.) และเป็นภรรยาของอิมามอะลี (อ.)ท่านหญิงเป็นหนึ่งในห้าของกลุ่มชน อาลิอะบา (อัศฮาบุลกิซาอ์) ซึ่งบรรดาชีอะฮ์อิมามียะฮ์ เชื่อว่า ท่านหญิงนั้นมีความสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากมลทินทั้งปวง
อิมามฮะซัน และอิมามฮุเซน (อ.) อิมามคนที่สองและคนที่สามของชีอะฮ์ ท่านหญิงซัยนับ กุบรอ (ซ.) และท่านหญิงอุมมุลกุลษูม ทั้งหมดคือ บุตรของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.)
ซะฮ์รอ บะตูล ซัยยิดะตุนิซาอิลอาละมีน (หัวหน้าของบรรดาสตรีแห่งโลกทั้งหลาย)เป็นสมญานามของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ และอุมมุอะบีฮา (มารดาของบิดาของนาง) เป็นฉายานามของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ท่านหญิงถือเป็นสตรีเพียงผู้เดียว พร้อมด้วยศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)ที่เข้าร่วมในเหตุการณ์วันมุบาฮะละฮ์ กับชาวคริสต์แห่งเมืองนัจญ์รอน
ซูเราะฮ์อัลเกาษัร โองการตัฏฮีร โองการมะวัดดะฮ์ และโองการอิฏอาม และฮะดีษต่างๆ เช่น ฮะดีษบัฎอะฮ์ ได้ถูกประทานและรายงานเกี่ยวกับความประเสริฐของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.)
มีริวายะฮ์ทั้งหลาย รายงานจากศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ )กล่าวว่า ฟาฏิมะฮ์ เป็นสตรีที่มีความสูงส่งทั้งสองโลก ด้วยกัน และความโกรธกริ้วและความพึงพอใจของท่านหญิง ถือเป็นความโกรธกริ้วและความพึงพอพระทัยของอัลลอฮ์ (ซ.บ.)
เกี่ยวกับช่วงวัยเด็กและยุวชนของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ มีรายงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จากช่วงอายุนี้ มีรายงานเพียงว่า ท่านหญิงเคยร่วมอยู่กับศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ท่ามกลางความรุนแรงของเหล่าผู้ตั้งภาคีต่อพระผู้เป็นเจ้า การเข้าร่วมของท่านหญิงในชิอ์บ อะบีฏอลิบ และการอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮ์ร่วมกับอิมามอะลี (อ.)
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ได้สมรสกับอิมามอะลี (อ.)ในปีที่สองแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช
ท่านหญิงได้ร่วมในกิจกรรมภาคสังคมและร่วมอยู่เคียงข้างศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ในบางสงคราม เช่น ในเหตุการณ์พิชิตเมืองมักกะฮ์ ถือเป็นภารกิจของท่านหญิงหลังจากการอพยพ (ฮิจเราะฮ์)
ในเหตุการณ์ซะกีฟะฮ์ ท่านหญิงได้ต่อต้านกับการดำเนินการของสภาซะกีฟะฮ์ และท่านหญิงถือว่า ตำแหน่งคอลีฟะฮ์ของอะบูบักร เป็นการแย่งชิงมาจากผู้อื่นและท่านหญิงก็ไม่ได้ให้สัตยาบัน (บัยอะฮ์) กับเขา
ท่านหญิงได้กล่าวบทเทศนาธรรม ซึ่งถูกรู้จักกันว่า คุฏบะฮ์ ฟะดะกียะฮ์ เพราะจากเหตุการณ์ในการยึดครองสวนฟะดักและการปกป้องตำแหน่งคอลีฟะฮ์ให้อิมามอะลี (อ.)
หลังจากการวะฟาต(เสียชีวิต) ของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ไม่นานนัก ก็เกิดเหตุการณ์การโจมตีบ้านของท่านหญิง โดยฝ่ายผู้สนับสนุนอะบูบักร ทำให้ท่านหญิงได้รับความบาดเจ็บ และล้มป่วย และหลังจากนั้น ในวันที่ 3 เดือนญะมาดิษษานี ปี 11 แห่งฮิจเราะฮ์ศักราช ท่านหญิงก็ได้เป็นชะฮีด(มรณสักขี) ณ เมืองมะดีนะฮ์
ท่านหญิงได้สั่งให้จัดพิธีฝังศพของนาง เกิดขึ้นในเวลากลางคืน ขณะที่ ในปัจจุบันนี้ หลุมฝังศพของท่านหญิงยังไม่มีผู้ใดสามารถระบุได้
ตัซบีฮาตท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) มุศฮัฟฟาฏิมะฮ์ และคุฏบะฮ์ฟะดะกียะฮ์ เป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางจิตวิญญาณของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.)
มุศฮัฟฟาฏิมะฮ์ เป็นหนังสือที่รวบรวมคำพูดการสนทนาของท่านหญิงกับเทวทูตของพระเจ้า โดยอิมามอะลี เป็นผู้บันทึกคำพูดเหล่านั้น ตามริวายะฮ์ต่างๆรายงานว่า มุศฮัฟเล่มนี้ อยู่กับบรรดาอิมาม และในปัจจุบัน มุศฮัฟเล่มนี้อยู่กับอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.)
บรรดาชีอะฮ์ ถือว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ เป็นแบบอย่างสำหรับพวกเขา และในช่วงปีครบรอบการเป็นชะฮีดของนาง จึงเป็นที่รู้จักว่าเป็น อัยยาม ฟาฏิมียะฮ์ และมีการจัดงานไว้อาลัยให้กับท่านหญิงอีกด้วย
ในประเทศอิหร่าน วันครบรอบปีแห่งการถือกำเนิดของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (20 ญะมาดิษษานี) ถือเป็นวันสตรีของชาติ และวันแม่แห่งชาติ และนามว่า ฟาฏิมะฮ์และซะฮ์รอ ถือเป็นหนึ่งในชื่อที่มีการใช้กันมากที่สุดของเด็กผู้หญิงทั้งหลาย
ผลงานประพันธ์ที่เกี่ยวกับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ.) ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน กล่าวคือ สารคดี ประวัติศาสตร์และอัตชีวประวัติ เป็นต้น