การเข้าร่วมและจุดยืนทางการเมืองของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์
การเข้าร่วมและจุดยืนทางการเมืองของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) มีการเคลื่อนไหวทางสังคมและจุดยืนทางการเมืองอย่างมากมาย การอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮ์ การปฏิบัติต่อท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ในเหตุการณ์สงครามอุฮุด [84] การปรากฏตัวข้างร่างศพของท่านฮัมซะฮ์ ซัยยิดุชชุฮะดา พร้อมด้วยศอฟียะฮ์ น้องสาวของท่านฮัมซะฮ์ และป้าของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ในอูฮุด [85] การส่งอาหารให้แก่ท่านศาสดาในสงครามค็อนดัก [86] และการติดตามท่านศาสดาในการพิชิตมักกะฮ์[87] ถือเป็นการเคลื่อนไหวต่างๆของท่านหญิงก่อนการอสัญกรรมของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) แต่การเคลื่อนทางการเมืองส่วนมากของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) เกี่ยวข้องกับช่วงชีวิตอันสั้นของนาง หลังจากการอสัญกรรมของท่านศาสดา จุดยืนทางการเมืองที่สำคัญที่สุดบางประการของนาง ได้แก่ การต่อต้านเหตุการณ์ซะกีฟะฮ์ และการเลือกตั้งอบูบักร์ เป็นคอลีฟะฮ์ต่อจากท่านศาสดา การไปยังบ้านของแกนนำของพวกมุฮาญิรรและอันศอร เพื่อขอให้พวกเขาสารภาพเกี่ยวกับเหมาะสมและความเหนือกว่าของอิมามอะลี (อ.) สำหรับตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์, การพยายามทวงคืนกรรมสิทธิ์ของฟะดัก, การเทศนาธรรมฟะดะกียะฮ์ในกลุ่มผู้อพยพและอันศอร, การปกป้องอะลี (อ) ในกรณีที่บ้านของเขาถูกโจมตี, การปราศรัยในกลุ่มสตรี (ผู้อพยพ) และอันศอร) ที่มาเยี่ยมนางและสั่งเสียไว้ว่า ให้จัดพิธีการเสียชีวิตของนางอย่างซ่อนเร้น ขณะที่นักวิจัยบางคนกล่าวว่า ส่วนมากของคำพูดและพฤติกรรมหลายประการของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ หลังจากการอสัญกรรมของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) นั้นเป็นปฏิกิริยาทางการเมืองและการประท้วงต่อต้านการแย่งชิงตำแหน่งคอลีฟะฮ์โดยอบูบักร์ และฝ่ายสนับสนุนตำแหน่งคอลีฟะฮ์ของเขา (88)
ท่านหญิงต่อต้านการตัดสินใจของสภาซะกีฟะฮ์
หลังจากการจัดตั้งสภาซะกีฟะฮ์ และการให้สัตยาบันกับอะบูบักร์ ในฐานะเป็นเคาะลีฟะฮ์ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ได้คัดค้าน เหมือนกับอิมามอะลี (อ.) และเหล่าศอฮาบะฮ์จำนวนหนึ่ง เช่น ฏ็อลฮะฮ์และซุบัยร์ (89) เพราะว่า เหตุการณ์เฆาะดีร ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้แนะนำอิมามอะลีว่า เป็นตัวแทนของเขา (90) จากรายงานต่างๆทางประวัติศาสตร์ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์พร้อมอิมามอะลี ได้ไปหาศอฮาบะฮ์ และขอความช่วยเหลือจากพวกเขา ศอฮาบะฮ์ได้ตอบข้อเรียกร้องของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) กล่าวว่า หากว่าก่อนหน้านี้ ได้มีการให้สัตยาบันกับอะบูบักร์ พวกเขาก็จะให้การสนับสนุนกับการเป็นเคาะลีฟะฮ์ของท่านอะลี (อ.) (91)
เรื่องราวของฟะดักและบทเทศนาธรรมฟะดะกียะฮ์
หลังจากที่อะบูบักร์ ได้ยึดฟะดักมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) และใช้ประโยชน์ในการเป็นเคาะลีฟะฮ์ของตนเอง ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) จึงได้คัดค้านการกระทำของเขา (๙๒) ท่านหญิงได้เจรจากับอบูบักร์ เพื่อยึดคืนฟะดัก และหลังจากนำเสนอเหตุผลและข้อพิสูจน์แล้ว (๙๓) อะบูบักร์ ได้เขียนว่า ฟะดักเป็นของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ แต่อุมัร บิน ค็อฏฏ็อบ ได้จดหมายนั้นจากท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) อย่างไม่ให้การเคารพและฉีกมันทิ้งไป [๙๔] แหล่งข้อมูลบางแห่ง รายงานว่า อุมัรได้ทุบตีท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) จนท่านหญิงได้รับการบาดเจ็บและแท้งบุตรในเหตุการณ์ครั้งนี้ (๙๕) ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จในความพยายามเพื่อทวงคืนฟะดัก ท่านหญิงจึงไปที่มัสญิด อันนะบะวี และอ่านบทเทศนาธรรมต่อหน้าบรรดาเศาะฮาบะฮ์ ซึ่งต่อมา กลายเป็นที่รู้จักในบทเทศนาธรรม ฟะดะกียะฮ์ และในนั้น ท่านหญิงได้ประณามการยึดฟะดักและการแย่งชิงตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ บทเทศนาธรรมนี้ ท่านหญิงถือว่า ผลลัพท์ของการกระทำของอะบูบักร์ และผู้สนับสนุนเขา คือไฟนรก [๙๖] บทเทศนาธรรมนี้ใช้สำหรับการพิสูจน์ถึงการอนุญาตให้สตรีชาวมุสลิมเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง (๙๗) การสนับสนุนผู้ร่วมประท้วงต่อต้านอะบูบักร์
หลังจากที่เหล่าเศาะฮาบะฮ์ได้เรียกอะบูบักร์ ในฐานะเป็นเคาะลีฟะฮ์ และได้ให้สัตยาบันกับเขา และเพิกเฉยต่อคำพูดของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เกี่ยวกับการเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของอิมามอะลี (อ.) ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) พร้อมด้วยท่านอะลี (อ.) ชาวบะนีฮาชิม และเศาะฮาบะฮ์อีกจำนวนหนึ่ง ได้คัดค้านด้วยการให้สัตยาบันนี้ และรวมตัวกันประท้วงในบ้านของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (๙๘) อับบาส บิน อับดุลมุฏเฏาะลิบ ซัลมาน ฟาร์ซี อะบูซัร ฆิฟารี อัมมัร บิน ยะซีร มิดดาด อุบัย บิน กะอ์บ และกลุ่มผู้คนจากชนเผ่าบะนีฮาชิม เป็นกลุ่มชนที่รวมตัวประท้วงดังกล่าว (๙๙)
การปกป้องท่านอะลี (อ.) ในเหตุการณ์การโจมตีบ้าน
เหล่าผู้สนับสนุนการเป็นเคาะลีฟะฮ์ของอะบูบักร์ได้มารวมตัวหน้าบ้านของท่านอะลี เพื่อโจมตี ขณะที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ได้ขัดขวางและป้องกันไม่ให้พวกเขาจับท่านอะลี (อ. เพื่อให้สัตยาบันกับอะบูบักร์ [๑๐๐] ตามรายงานจากอิบนุ อับดุร็อบบิฮ์ หนึ่งในนักวิชาการอะฮ์ลิสซุนนะฮ์แห่งศตวรรษที่สามและสี่ของฮิจญ์เราะฮ์ศักราช หลังจากที่อะบูบักร์ ได้รับแจ้งเกี่ยวกับการรวมตัวประท้วงของฝ่ายต่อต้านในบ้านของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) เขาก็สั่งให้โจมตีที่นั่นและขัดขวางการชุมนุมของฝ่ายต่อต้านและในกรณีที่มีการต่อต้านให้พวกเขาต่อสู้กับพวกเหล่านั้น อุมัรได้ไปที่บ้านของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์กับกลุ่มชนจำนวนหนึ่งและเรียกร้องให้ผู้ประท้วงออกจากบ้านนั้น จากนั้นเขาก็ข่มขู่ว่า จะจุดไฟเผาบ้าน ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขา [๑๐๑] อุมัรพร้อมผู้บุกรุกอื่นๆได้ เข้าไปในบ้านด้วยความรุนแรง ในขณะเดียวกัน ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ได้พูดว่า หากผู้โจมตีไม่ออกไปจากบ้านของนาง นางจะฟ้องร้องต่อพระเจ้า [๑๐๒] ด้วยเหตุนี้ ผู้โจมตีจึงออกไปจากบ้าน ยกเว้นท่านอะลีและกลุ่มชนบะนีฮาชิม ผู้ประท้วงทั้งหมดถูกนำตัวไปที่มัสญิดเพื่อให้สัตยาบันกับอะบูบักร์ (๑๐๓)
หลังจากที่เหล่าผู้โจมตีได้รับคำสัตยาบันจากผู้ประท้วงแล้ว เพื่อที่จะได้รับคำสัตยาบันจากอิมามอะลี (อ.) และกลุ่มชนบะนีฮาชิม พวกเขาก็ได้โจมตีบ้านของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) อีกครั้งและจุดไฟเผาประตู ขณะที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซึ่งอยู่หลังประตูได้รับบาดเจ็บและทารกในครรภ์ของนาง (มุห์ซิน (อ.) ได้ถูกทำให้แท้ง อันเป็นผลมาจากไฟ แรงกดดัน และการทุบตีของอุมัร กุนฟุซและเหล่าสหายอื่นๆ [๑๐๔] รายงานบางฉบับ ระบุว่า กุนฟุซ ได้วางท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ไว้ระหว่างประตูกับผนัง [๑๐๕] และกระแทกประตูเข้าใส่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) และทำให้สีข้างของท่านหญิงหัก [๑๐๖ หลังจากเหตุการณ์นี้ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ก็ล้มป่วยลง (๑๐๗)
ความโกรธของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ต่ออะบูบักร์และอุมัร
การเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงของอะบูบักร์ และอุมัร กับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์และอะลี เกี่ยวกับเหตุการณ์ฟะดัก และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับให้คำสัตยาบันกับเคาะลีฟะฮ์ ความโกรธของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ที่มีต่ออะบูบักร์ และอุมัร ตามมาจนกระทั่งถึงบั้นปลายชีวิตของท่านหญิง (๑๐๘) ตามรายงานต่างๆระบุว่า หลังจากอุมัร และผู้บุกรุกอื่นๆ เข้าโจมตีบ้านของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อะบูบักร์ และอุมัรจึงตัดสินใจไปที่บ้านของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์เพื่อขอโทษ แต่ฟาฏิมะฮ์ไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้าไปในบ้าน แต่ในที่สุด พวกเขาก็เข้าไปในบ้านของท่านหญิวฟาฏิมะฮ์พร้อมกับการไกล่เกลี่ยของท่านอะลี ท่านหญิงได้หันหลังให้กับบุคคลทั้งสองและไม่ได้ตอบรับคำทักทายของพวกเขา หลังจากท่านหญิงกล่าวถึงฮะดีษบัฎอะฮ์ ซึ่งศาสดามุฮัมมัดกล่าวไว้ว่า ความพึงพอใจและความโกรธของเขา ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและความโกรธของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ โดยท่านหญิงได้ประกาศต่ออะบูบักร์ และอุมัร ว่า พวกเขาได้ก่อให้เกิดความโกรธแก่นาง (๑๐๙) บางรายงานระบุว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ได้สาบานว่า นางจะกล่าวสาปแช่งบุคคลทั้งสองหลังนมาซทุกครั้ง (๑๑๐)
บทเทศนาธรรมในการพบปะกับสตรีชาวมุฮาญิรและอันศอร
หลังจากการวายชนม์ของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) และการล้มป่วยของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ กลุ่มสตรีจากชาวมุฮาญิรและอันศอร ได้เข้ามารวมตัวกันในบ้านของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) และคำกล่าวของท่านหญิงเพื่อเป็นการตอบคำทักทายของพวกนาง ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์เหล่านี้ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ในการพบปะกันครั้งนี้ หลังจากกล่าวการสรรเสริญพระเจ้า และประสาทพรแด่บิดาของนาง ก็ได้กล่าวตำหนิอย่างรุนแรงและประณามผู้ชาย (ชาวมุฮาญิรและอันศอร) ที่ถอดถอนผู้สืบทอดของศาสดาออกจากตำแหน่งของเขา และทำให้เขาออกจากฐานที่มั่นแห่งสาร และพวกเขาก็พบว่าตนเองได้รับความเสียหายอย่างเห็นได้ชัด ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ในการกล่าวคำปราศรัยของนางได้กล่าวถึงเหตุผลที่ประชาชนหันหลังกลับและการแก้แค้นของพวกเขาให้กับอิมามอะลี (อ.) ว่า เป็นการยึดมั่นและการปกป้องการบริหารความยุติธรรมของเขา และชี้แจงว่า หากพวกเขามีความรักต่อการปกครองของเขาและจะยอมรับเขา พวกเขาจะได้ลิ้มรสน้ำอันบริสุทธิ์ ซึ่งมีน้ำไหลล้นจากทั้งสองด้าน และประตูแห่งสิริมงคลของแผ่นดินและท้องฟ้าก็จะเปิดให้กับพวกเขา บัดนี้ เมื่อพวกเขาไม่ยอมรับการปกครองและอธิปไตยของเขา พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลงโทษพวกเขา สำหรับสิ่งที่พวกเขาก่อ [๑๑๑] ตามรายงานบางฉบับ ระบุว่า หลังการพบปะกัรครั้งนี้ เช่น ผู้ชายชาวมุฮาญิรและชาวอันศอรได้รับแจ้งให้ (ภายนอก) ขอโทษ และ (โดยส่วนใหญ่มีเจตนา) ให้พิสูจน์ถึงการกระทำของพวกเขา (การให้คำสัตยาบันกับอะบูบักร์) ซึ่งพวกเขาได้เข้าหาท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ โดยท่านหญิงกล่าวกับพวกเขาว่า : จงไปให้พ้นจากฉัน เพื่อที่จะไม่มีข้อแก้ตัวเหลืออยู่หลังจากการขอโทษอย่างไม่จริงใจ และความผิดพลาดของพวกท่านนี้ ไม่สามารถที่จะย้อนกลับได้