การเป็นชะฮีด พิธีศพ การฝังศพท่านหญิงฟาฏิมะฮ์
การเป็นชะฮีด พิธีศพ การฝังศพท่านหญิงฟาฏิมะฮ์
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ได้จากโลกนี้ไปในปี ฮ.ศ. ๑๑ หลังจากที่มีอาการเจ็บป่วยมาสักระยะหนึ่ง เนื่องจากการบาดเจ็บทางร่างกายที่นางประสบในเหตุการณ์ภายหลังการวายชนม์ของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) (๑๑๓) เกี่ยวกับวันที่ของการเป็นชะฮีดของท่านหญิง มีทัศนะที่แตกต่างกัน และมีการกล่าวว่า เป็นเวลาสี่สิบคืนหลังจากการวะฟาตของศาสดา (ศ็อลฯ) จนถึงแปดเดือนหลังจากนั้น (๑๑๔) คำกล่าวที่ถูกรู้จักที่สุดในหมู่ชีอะฮ์ (๑๑๕) คือ วันที่ สาม เดือนญะมาดิษษานี (๑๑๖) กล่าวคือ ๙๕ วันหลังจากการวายชนม์ของศาสดา (ศ็อลฯ) [๑๑๗] คำกล่าวนี้ได้รับรายงานจากอิมามศอดิก (อ.) [๑๑๘] ตามทัศนะอื่นๆ ถือว่า ๗๕ วันหลังจากการวะฟาตของศาสดา (ศ็อลฯ) [๑๑๙] (๑๓ ญะมาดิลเอาวัล) วันที่ ๘ เราะบีอุษษานี [๑๒๐] วันที่ ๑๓ เราะบีอุษษานี [๑๒๑] และวันที่สามของเดือนรอมฎอน [๑๒๒] เป็นวันแห่งการได้รับชะฮีดของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.)
ในริวายะฮ์หนึ่ง รายงานจาก อิมามกาซิม (อ.) ได้กล่าวถึงการเป็นชะฮีดของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.)อย่างเปิดเผย (๑๒๓) ในอีกริวายะฮ์หนึ่ง รายงายจาก อิมามศอดิก (อ.) ได้กล่าวถึงเหตุผลของการเป็นชะฮีดของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อันเนื่องจากการถูกทุบตีด้วยฝักดาบโดยกุนฟุซ ทำให้ท่านหญิงแท้งมุห์ซินและล้มป่วย จนเป็นชะฮีดในที่สุด (๑๒๔)
ตามความเชื่อของนักค้นคว้าวิจัยบางคน ถือว่า คำสั่งเสียของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ที่จะฝังศพของนางอย่างลับๆ ถือเป็นการดำเนินทางการเมืองครั้งสุดท้ายของนางในการต่อต้านระบอบเคาะลีฟะฮ์ [๑๒๕]
สถานที่ฝังศพ
ก่อนที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์จะถูกทำชะฮาดะฮ์ ท่านหญิงได้สั่งเสียไว้ว่า นางไม่ต้องการให้บุคคลที่กดขี่ต่อนาง และให้เหตุผลที่ทำให้นางโกรธมาร่วมนมาซให้ร่างของนางและเข้าร่วมพิธีศพของนาง ดังนั้น ท่านหญิงจึงต้องการที่จะให้ฝังร่างของนางอย่างลับๆ และสถานที่ฝังศพของท่านหญิง ถือเป็นความลับ [๑๒๖] ตามที่นักประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า ท่านอะลี (อ.) ได้ทำฆุซล์มัยยิตให้ภรรยาของเขาด้วยความช่วยเหลือของ อัสมา บินติ อุมัยส์ [๑๒๗] และเขาทำนมาซมัยยิตให้ร่างของนาง (๑๒๘) นอกเหนือจากอิมามอะลี (อ.) ยังมีผู้คนอีกหลายคนได้เข้าร่วมในนมาซนี้อีกด้วย และมีความแตกต่างกันเกี่ยวกับจำนวนและชื่อของผู้คน แหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ระบุว่า อิมามฮะซัน อิมามฮุเซน อับบาส บิน อับดุลมุฏเฏาะลิบ มักดาด ซัลมาน อะบูซัร อัมมาร อะกีล ซุบัยร์ อับดุลลอฮ์ บิน มัสซูด และฟัฎล์ บิน อับบาส เป็นผู้มีเข้าร่วมในการนมาซนี้ (๑๒๙)
หลังจากการฝังศพ อิมามอะลี (อ.) ได้ทำลายร่องรอยของหลุมศพ จนไม่สามารถระบุหลุมศพได้(๑๓๐) นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอนของหลุมศพแล้ว ยังมีรายงานอย่างมากมายเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ:[๑๓๑]
บางคนถือว่า สถานที่ฝังศพของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) อยู่ในเราะเฎาะตุนนะบี (๑๓๒)
บ้านของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์และอิมามอะลี (อ.) ได้รับการแนะนำให้เป็นสถานที่ฝังศพอีกแห่งหนึ่ง ด้วยการขยายมัสญิดอันนะบี ในช่วงยุคสมัยบะนีอุมัยยะฮ์ สถานที่แห่งนี้ จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของมัสญิด [๑๓๓]
แหล่งข้อมูลบางแห่ง กล่าวถึงสุสานบะกีอ์ ว่า เป็นสถานที่ฝังศพของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อย่างแน่นอน บ้านของอะกีล บินอะบีฏอลิบ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งแหล่งข้อมูลพิจารณาว่า เป็นสถานที่ฝังศพของ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ [๑๓๕] บ้านของอะกีล ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่อยู่ติดกับสุสานบะกีอ์[๑๓๖] และหลังจากฝังศพของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ บินติ อับบาส บิน อับดุลมุฎเฎาะลิบ และบรรดาอิมามของชีอะฮ์จำนวนหนึ่ง (อ.) ได้เปลี่ยนจากสถานที่พักอาศั ยเป็นสถานที่ในการซิยาเราะฮ์ของสาธารณชน (๑๓๗)