เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ฮะดีษ 12 ผู้นำของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ.)

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ฮะดีษ 12 ผู้นำของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ.) 


การถกเถียงเกี่ยวกับปัญหาการสืบทอดตำแหน่งและผู้สืบทอดของท่านศาสดามุฮัมมัด  ((ศ.) ) ถือเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ได้รับการพูดถึงตั้งแต่ชั่วโมงแรกหลังการเสียชีวิตของท่านศาสดา ซึ่งตลอดระยะเวลา 14 ศตวรรษที่ผ่านมาหลังการจากไปของท่านศาสดา (ศ.)  หัวข้อนี้ยังคงเป็นที่สนใจของนักปรัชญา นักประวัติศาสตร์ และนักศาสนศาสตร์จากทุกฝ่ายมาตลอด 
นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน ทั้งจากนักศาสนศาสตร์มุสลิมและนักเขียนจากศาสนาและชาติอื่น ๆ มีการเขียนหนังสือ บทความ และงานวิจัยเกี่ยวกับหัวข้อนี้จำนวนมาก ดังนั้นหัวข้อนี้จึงเป็นหัวข้อที่ยังคงมีชีวิตชีวาและสำคัญ มีบทบาทที่กำหนดในความเชื่อและการปฏิบัติของประชาชนมุสลิมเสมอมา
แม้ว่าภายในวันแรก ๆ หลังการจากไปของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.)  สภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างรุนแรงและสับสนจากฝ่ายผู้ปกครองที่มีอำนาจเหนือสังคมมุสลิมในขณะนั้น และด้วยการมีทหารรับจ้างกลุ่มใหญ่ที่เป็นผู้ปลอมแปลงฮะดีษ  และปัจจัยอื่น ๆ ส่งผลให้การแยกแยะความจริงจากการหลอกลวงในช่วงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้คนมุสลิมที่เพิ่งหลุดพ้นจากความไม่รู้และเริ่มก้าวเข้าสู่ความเชื่อในพระเจ้า
ปัจจุบันเมื่อฝุ่นละอองบางส่วนได้คลี่คลายลงแล้ว ความรู้ในอิสลาม โดยเฉพาะศาสตร์ด้านฮะดีษ  ได้ถูกจัดระเบียบและพัฒนาไปข้างหน้า รวมถึงเครื่องมือในการพิมพ์และเผยแพร่ที่ช่วยให้การเผยแพร่และขยายความรู้สามารถทำได้ง่ายขึ้น ทำให้การเข้าถึงแหล่งข้อมูลจากศาสนาและความต่างเชื่อต่าง ๆ ในอิสลามกลายเป็นเรื่องที่สะดวกขึ้น การถกเถียงในหัวข้อนี้จึงสามารถทำได้ดีขึ้นและมีความชัดเจนมากขึ้น
ฝ่ายตรงข้ามของ  อะฮ์ลุลบัยต์นบี ตั้งแต่วันแรก ๆ ได้วางแผนใหญ่เพื่อปกปิดความจริง และป้องกันไม่ให้การถ่ายทอดความชอบธรรมของ อะห์ลุลบัยต์นบี  ไปยังรุ่นถัดไป ซึ่งรวมถึงการห้ามการจดบันทึกฮะดีษ ของท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ.)  และการสร้างกลุ่มรับจ้างจากผู้ปลอมแปลงฮะดีษ เพื่อเปลี่ยนแปลงคุณงามความดีให้กับบางคน
นโยบายของฝ่ายผู้ปกครองและผู้สนับสนุนของพวกเขาในเรื่องนี้ไม่เคยหยุดนิ่ง แม้แต่เอกสารและหลักฐานที่สามารถเปิดเผยการกระทำที่ผิดของพวกเขาและยังคงมีอยู่ในศตวรรษแรก ๆ ของอิสลามก็ถูกโจมตีและทำลายโดยผู้เก็บรักษาและบันทึกฮะดีษ ในภายหลัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนนโยบายของ “รัฐบาลซะกีฟะฮ์” พวกเขามุ่งหมายที่จะทำงานต่อจากบรรพบุรุษของพวกเขาและทำลายหลักฐานที่ยังหลงเหลือจากอดีตเพื่อไม่ให้เป็นเครื่องมือในการต่อต้านผู้มีอำนาจในรัฐบาซะกีฟะห์
แม้จะมีความพยายามเหล่านั้นมากมาย แต่ยังคงมีเอกสารและหลักฐานจำนวนมากที่สามารถพบได้ในหนังสือและแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ การตีความ และฮะดีษ  ซึ่งการใช้หลักฐานเหล่านี้อย่างถูกต้องสามารถช่วยเราคลี่คลายความจริงได้ดี
ในบทความนี้เราจะพิจารณาถึงหลักฐานเกี่ยวกับอิมามและผู้สืบทอดสิบสองท่านของท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ.)  ที่เหลืออยู่ในงานเขียนและแหล่งข้อมูลของฝ่ายซุนนี่ห์ และมันจะเป็นประโยชน์อย่างไรในการศึกษาหลักฐานดังกล่าว ในบทความนี้ หัวข้อหลักของเราคือ ฮะดีษจากท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ.)   ซึ่งท่านได้กล่าวถึงจำนวนของผู้สืบทอดของท่านและประกาศว่า “จะมี 12 คน“
คำพูดที่เกี่ยวกับผู้สืบทอดของท่านศาสดามฮัมมัด (ศ.)  ที่กล่าวถึงจำนวนของผู้ปกครองหลังจากท่านศาสดา ซึ่งท่านได้ระบุไว้ว่า “ผู้ปกครองทั้งหมดจะมีจำนวน 12 ท่านเท่านั้น” และตัวอย่างของคำพูดเหล่านี้จะพบได้ในหลายแหล่งข้อมูลจากบันทึกของนักวิชาการชั้นนำในแวดวงซุนนี่ห์ซึ่งในบทความนี้จะนำเสนอตัวอย่างบางส่วนจากแหล่งข้อมูลเหล่านี้:
 1. อัล-บุคอรีย์ ในหนังสือ “เศาะฮีห์” ของท่านบันทึกผ่านทาง ญาบิร บิน ซะมะเราะฮ์ ว่า ท่านศาสดากล่าวว่า:
يَكونُ اثْنَا عَشَرَ أَمِيرًا، فَقالَ كَلِمَةً لَمْ أَسْمَعْهَا، فَقالَ أَبِي: إنَّه قالَ: كُلُّهُمْ مِن قُرَيْشٍ
หลังจากฉันไปแล้ว จะมี 12 ผู้นำ และท่านกล่าวคำหนึ่งที่ฉันไม่ได้ยิน พ่อของฉันบอกว่า ท่านศาสดากล่าวว่า: “ทั้งหมดนั้นมาจากกุเรช
 2. มุสลิม ในหนังสือ เศาะฮีห์” ของท่านบันทึกจาก ญาบิร บิน ซะมะเราะห์ ว่า :
لا يَزالُ الإسلامُ عَزيزًا إلى اثنَيْ عَشَرَ خَليفةً. ثم قالَ كَلِمَةً خَفِيَّةً لم أفهَمْها، قالَ: قُلتُ لِأبي: ما قالَ؟ قالَ: كُلُّهم مِن قُرَيشٍ
อิสลามจะยังคงทรงเกียรติจนกว่าจะมีการปกครองจากผู้นำ 12 คน จากนั้นท่านกล่าวคำพูดหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจ ท่าน [ญาบีร] กล่าวต่อไปว่า: ฉันถามพ่อของฉันว่า ท่านกล่าวว่าอะไร ? พ่อของฉันตอบว่า : ทุกคนจากเผ่ากุเรช”
 3. อัล-ติรมิซีย์ ในหนังสือ “ซุนัน” ของท่านได้บันทึกจากท่านศาสดาว่า :
يَكُونُ بَعْدِي‏ اثْنَا عَشَرَ امیراً كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ، کلهم من قریش
หลังจากฉันจะมี 12 ผู้นำทุกคนมาจากกุเรช
 4. อาะบูดาวูด ในหนังสือ “ซุนัน” ของท่านบันทึกจาก ญาบิร บิน ซะมะเราะห์ ว่า:
لایزال هذا الدین قائماً حتى یکون علیکم اثنا عشر خلیفة کلهم تجتمع علیه الامة. فسمعت کلاماً من النبى(ص) لم افهمه، قلت لاَبى ما یقول؟ قال: کلهم من قریش
ศาสนานี้จะคงอยู่ตราบจนถึง 12 คอลิฟะฮ์ ทุกคนจะมีประชาชนยอมรับ พอฉันได้ยินคำพูดหนึ่งจากท่านศาสดาที่ฉันไม่เข้าใจ ฉันจึงถามพ่อของฉันว่า ท่านศาสดาพูดว่าอะไร? เขาตอบว่า ‘ทั้งหมดนั้นมาจากกุเรช
 5. อะห์มัด บิน ฮัมบัล ใน “มุสนัด” ของท่านบันทึกจาก ญาบิร บิน ซะมะเราะห์ ว่า:
یکون لهذه الامة اثنا عشر خلیفة
สำหรับประชาชาตินี้ จะมี 12 ผู้นำ
 6. อัลฮากิม ใน “มุสตัดร็อก” ของท่านได้บันทึกจาก เอา บิน อบี ญะฮีฟะฮ์ว่า:
لایزال امر امتى صالحاً حتى یمضى اثنا عشر خلیفة، کلهم من قریش
“การปกครองของประชาชาติของฉันจะยังคงดีงามจนกว่าจะมีผู้ปกครอง 12 คน ทุกคนมาจากเผ่ากุเรช”
 7. ซุยูฏี ได้บันทึกจาก ญาบิร บิน ซะมะเราะฮ์ ว่า :
لایزال هذا الامر عزیزاً یُنصرون على من ناواهم علیه، اثنا عشر خلیفة، کلهم من قریش
การปกครองนี้จะยังคงทรงเกียรติและได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้าเหนือผู้ที่เป็นศัตรูกับพวกเขา จะมีผู้ปกครอง 12 คน ทุกคนมาจากเผ่ากุเรช”
 8. อัล-คอฏีบ อัล-บัฆดาดี บันทึกจาก ญาบิร บิน ซะมะเราะฮ์ ว่า:
یکون بعدى اثنا عشر امیراً، کلهم من قریش
หลังจากฉันไปแล้ว จะมี 12 ผู้นำ ทุกคนมาจากกุเรช
โดยรวมแล้ว คำพูดเหล่านี้สะท้อนถึงการอธิบายถึงผู้สืบทอดของท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ.)  ซึ่งมีจำนวน 12 ท่าน และมีการกล่าวถึงว่า พวกเขาจะมาจากกุเรช และในบางแหล่งข้อมูลยังระบุว่า พวกเขามาจากบานี ฮาชิม (ครอบครัวของท่านอิมามอะลี)
และในบางแหล่งข้อมูล ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.)  ก็ได้ระบุชื่อ ผู้นำทั้ง 12 ท่านไว้ เช่นท่านญาบีร เล่าว่าท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ.)  กล่าวว่า: 
انا سید النبیین، وعلىّ سید الوصیین، وان اوصیائى بعدى اثنا عشر، اولهم علىّ وآخرهم القائم المهدى
ฉันคือหัวหน้าของบรรดานบี (ศาสดาทุกท่าน), และอะลีคือหัวหน้าของบรรดาผู้สืบทอด (วะซี), และผู้สืบทอดของฉันหลังจากฉันมีทั้งหมด 12 คน, คนแรกคืออะลี และคนสุดท้ายคือมะฮ์ดีผู้ที่กำลังจะมาปรากฏตัว
 คำถามในหมู่กลุ่มต่างๆของอิสลาม นอกเหนือจากชีอะฮ์ 12 อิมามแล้วจะมีกลุ่มใดอีกที่เชื่อในสิ่งที่ศาสดามุฮัมมัด (ศ.)  กล่าวสอนไว้ ?


บทความ : เชคอันศอร เหล็มปาน

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม