เหตุผลสำคัญของการเป็นชะฮีดของอิมามฮูเซน (อ.) จากคำสอนของอิมามศอดิก (อ.)

นักวิชาการศาสนาได้กล่าวถึงเหตุผลสำคัญของการเป็นชะฮีดของอิมามฮูเซน (อ.) โดยอ้างถึงคำพูดของอิมามศอดิก (อ.) ที่ได้ถ่ายทอดไว้ใน ซิยาเราะฮ์อัรบะอีน หนึ่งในบทซิยาเราะฮ์ที่มีความลึกซึ้งและสะเทือนใจที่สุดเกี่ยวกับเหตุการณ์อาชูรอ
ทุกคนในวันกิยามะฮ์จะถูกชุมนุมร่วมพร้อมกับ "อิมาม" ของตน
อิมามศอดิก (อ.) กล่าวไว้ว่า ในวันกิยามะฮ์ (วันพิพากษา) มนุษย์ทุกคนจะถูกชุมนุมร่วมกับ "อิมาม" ของตน คำว่า "อิมาม" ไม่ได้จำกัดแค่ 12 อิมามในเชิงตำแหน่งเท่านั้น แต่หมายถึงผู้นำที่แต่ละคนยึดถือเป็นศูนย์กลางชีวิต
ไม่ว่าใครจะวางชีวิตไว้ในเส้นทางของอิมามซะมาน (อ.) หรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของชิมร์, อุมัร อิบนุ ซะอัด, หรือแม้แต่บูชาสิ่งของ (เช่นก้อนหิน) ดังที่อิมามริฎอ (อ.) กล่าวว่า "พวกบูชารูปเคารพก็จะถูกชุมนุมร่วมกับวัตถุที่พวกเขาบูชา"
ดังนั้น เราควรเลือกทางเดินชีวิตให้เชื่อมโยงกับอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ซึ่งเป็นเส้นทางที่ถูกต้องและปลอดภัยที่สุด
#คำถามสำคัญ: ทำไมบางคนที่ละหมาดจึงกลับกลายมาเป็นศัตรูของอิมามฮูเซน (อ.)?
ทำไมผู้คนในยุคนั้น ซึ่งละหมาดและดูเคร่งศาสนา กลับกลายมาเป็นผู้สังหารหลานชายของท่านศาสดา (ศ็อลฯ)?
คำตอบอยู่ในคำพูดของอิมามศอดิก (อ.) ที่ระบุไว้ในบทซิยาเราะฮ์อัรบะอีนว่า:
"เหตุผลหลักของการเป็นชะฮีดของอิมามฮูเซน (อ.) คือ ความโง่เขลา (ญะฮาละฮ์) และความหลงผิด (เฏาะลาละฮ์) ของผู้คน"
ญะฮาละฮ์ (ความโง่เขลา) คือ การไม่มีวิจารณญาณ ไม่สามารถแยกแยะของแท้กับของปลอมได้ เช่น ไม่รู้ว่าใครคืออิมามที่แท้จริง ใครคือผู้นำจอมปลอม
เฏาะลาละฮ์ (ความหลงผิด) คือ การใช้สิ่งที่พระเจ้ามอบให้ไปในทางตรงข้ามกับที่ควรจะเป็น เช่น ใช้ดวงตาที่ควรใช้เพื่อร้องไห้ให้กับอิมามฮูเซน (อ.) หรือมองหาความจริง กลับนำไปใช้ดูสิ่งที่ผิด เช่น การมองที่ไม่เหมาะสม
เช่นตัวอย่างจากประวัติศาสตร์: เมื่อผู้คนหลงทางก็จะเป็นเยี่ยงนี้
-มุอาวียะห์สร้างภาพลักษณ์ภายนอกว่าเคร่งศาสนา แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
-ยะซีดยิ่งเลวร้ายกว่า ถึงขั้นเผยตัวตนว่าเป็นคนเสเพล ติดสุราและกระทำความชั่วในที่สาธารณะ
แต่ถึงกระนั้น คนส่วนใหญ่กลับเลือกที่จะอยู่ฝ่ายยะซีด แทนที่จะอยู่กับอิมามฮูเซน (อ.) ทั้งๆ ที่รู้ว่าท่านคือคนดีอย่างไม่มีข้อสงสัย
นี่แสดงให้เห็นถึง ความโดดเดี่ยวของอิมามฮูเซน (อ.) และความมืดบอดของประชาชนในยุคนั้น
#ทำไมเราไม่พบบทฟัตวา หรือบทบัญญัติทางศาสนาจำนวนมากจากอิมามฮะซัน (อ.) และอิมามฮูเซน (อ.)?
อิมามทั้งสองแทบไม่มีโอกาสถ่ายทอดวิชาการศาสนาให้กับประชาชน เพราะผู้คน ไม่รู้จักคุณค่าและสถานะความเป็นอิมามของท่าน พวกเขาไม่ตั้งคำถาม และไม่แสวงหาความรู้จากท่าน
อิมามศอดิก (อ.) กล่าวไว้ว่า:  "เลือดของอิมามฮูเซน (อ.) ต้องถูกหลั่งเพื่อปลุกผู้คนให้ตื่นจากความโง่เขลา"
#ข้อคิดสำหรับเราในปัจจุบัน พระเจ้าให้ดวงตากับเรา เพื่อใช้ดูสิ่งที่ดีงาม เช่น การร้องไห้เพื่อฮูเซน (อ.), การตื่นกลางดึกเพื่อซอลาฮ์, การแสวงหาความรู้ ไม่ใช่เพื่อดูสิ่งต้องห้าม
เช่นเดียวกับที่เราอ่านคู่มือก่อนใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เราควรอ่าน “คู่มือชีวิต” ที่พระเจ้าประทานมาให้ นั่นคือ อัลกุรอาน และคำสอนของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)
#ปัญหาที่แท้จริงของชาวเมืองกูฟะฮ์คืออะไร?
ปัญหาของชาวกูฟะฮ์ในสมัยอิมามฮูเซน (อ.) ไม่ใช่แค่ความไม่รู้ แต่คือ ความหลงผิดที่คิดว่าตนเองรู้มากกว่าอิมาม
พวกเขาพูดว่า  “เรารู้มากกว่าอิมามฮูเซน (อ.)”
ทั้งที่อิมามคือบุตรของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ผู้ซึ่งได้แต่งตั้งอิมามให้เป็นตัวแทนอย่างชัดเจน พวกนักวิชาการก็จดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ แต่ในที่สุด ผู้คนจำนวนมากในกูฟะฮ์กลับ ยืนอยู่ตรงข้ามกับอิมามฮูเซน (อ.)
แม้แต่คนดี ๆ ของเมืองก็ยังหวังว่าอิมามจะมาที่กูฟะฮ์ เพื่อพวกเขาจะได้ผลประโยชน์บางอย่าง พวกเขามอง "อิมาม" เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่ผู้นำทางจิตวิญญาณ
#เรากำลังเรียกหาอิมามเพื่ออะไร?
ทุกวันนี้มีคนมากมายพูดว่า:  “ขอให้ท่านอิมามซะมาน (อ.) ปรากฏตัว”
แต่เมื่อถามต่อว่า “เพื่ออะไร?”
คำตอบกลับเป็นว่า “เพื่อให้ราคาสินค้าถูกลง, เศรษฐกิจดีขึ้น, สังคมสงบ”
หากเราหวังการปรากฏตัวของอิมามเพียงเพื่อ ประโยชน์ส่วนตัว
นั่นแปลว่าเรากำลัง "ใช้" อิมาม  ไม่ใช่ "ติดตาม" อิมาม
อิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า หากอิมามซะมาน (อ.) มีผู้ช่วยที่แท้จริงเพียง 313 คน ท่านคงได้ปรากฏตัวแล้ว
แต่ในบรรดาชาวชีอะฮ์กว่า 70 ล้านคน กลับไม่มี 313 คนที่พร้อมจะยืนเคียงข้างท่านอย่างแท้จริง
ประวัติศาสตร์ของเมืองกูฟะฮ์คือบทเรียนสำคัญ
อุบัยดิลลาฮ์ อิบนุ ซิยาด เดินทางเข้าสู่เมืองกูฟะฮ์ด้วยกำลังทหารเพียง 50 คน (และในจำนวนนี้ไม่ถึง 20 คนที่เป็นนักรบจริง ๆ) ในขณะที่มีประชาชน 18,000 คนในเมืองที่เพิ่งให้สัตย์ปฏิญาณกับมุสลิม อิบน์ อะกีล (ตัวแทนอิมามฮูเซน)
ถ้าคนทั้ง 18,000 คนเพียงแค่ช่วยกัน ขว้างหิน ไปที่ ดารุลอิมาเราะฮ์ (ศูนย์อำนาจของอุบัยดิลลาฮ) ตึกนั้นก็จะถล่มลงได้โดยไม่ต้องใช้ดาบเลยด้วยซ้ำ
แต่พวกเขากลับนิ่งเฉย เพราะถูกซื้อด้วยเงิน อุบัยดิลลาฮรู้ดีว่าคนเหล่านี้เคยทอดทิ้งอิมามอะลี (อ.)  แล้วทำไมจะไม่ทอดทิ้งบุตรของท่านอีกครั้ง?
เขาเรียกบรรดาผู้นำชนเผ่ามาให้ของขวัญและสัญญาผลประโยชน์ แล้วชาวเมืองก็สลายตัวทันที มุสลิม บินอะกีลเหลือคนอยู่ข้างกายเพียง 30 คนภายในครึ่งวัน
อิมามฮูเซน (อ.) ถูกขายเพื่อข้าวบาร์เลย์หนึ่งกอง บางคนขายท่านเพื่ออานม้าหนึ่งตัว
นี่คือเหตุผลที่อิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า:
“ต้นตอของความเจ็บป่วยทั้งมวล คือ ความโง่เขลาและความหลงผิด”
และคำพูดนี้ไม่ใช่คำกล่าวลอย ๆ แต่มาจากบทเรียนที่สาหัสจากประวัติศาสตร์จริง
#แล้ววันนี้เราขายอิมามของเราด้วยอะไร?
แน่นอนว่าไม่มีใครในสังคมปัจจุบันขายอิมามซะมาน (อ.) เพื่อข้าวบาร์เลย์อีกแล้ว
แต่หลายคนขายท่านด้วย การมองสิ่งหะรอมเพียงครั้งเดียว ด้วยความบันเทิงที่ไม่ชอบธรรม ด้วยการละเลยศาสนาเพื่อความสุขชั่วคราว
ถึงกระนั้น ยังมีเยาวชนจำนวนมากที่ไม่ยอมขายอิมามของพวกเขาเพื่อโลกนี้
งานไว้ทุกข์ของอิมามฮูเซน (อ.) ยังคงจัดขึ้นทั่วโลก
ก็ด้วยพลังศรัทธาของคนหนุ่มสาวเหล่านี้
โศกนาฏกรรมอาชูรอคือเหตุการณ์ที่ซับซ้อนเกินคาด
อิมามฮูเซน (อ.) เข้าไปยังแผ่นดินกัรบะลาในช่วงเวลาที่ผู้คนสับสนทางศีลธรรม
แม้แต่คนที่รู้ความหมายของอัลกุรอานก็ยังขอร้องไม่ให้อิมามเดินหน้า
แต่ท่านตอบว่า:  “นี่คือสิ่งที่พระเจ้าประสงค์”
ลองคิดดูให้ดี เด็กหญิงวัยเพียง 3 ขวบต้องถูกตบหน้าเพียงเพราะเธอพยายามรักษา “ละหมาด”
ถ้าเราเข้าใจน้ำตาของเธอจริง ๆ  เราจะไม่ยอมให้ละหมาดเช้าของเราหลุดลอยไปง่าย ๆ อีก!!
#ข้อความถึงเยาวชน
โอ้เยาวชนเอ๋ย...
จงเป็นผู้รับใช้ของอิมามฮูเซน (อ.)
ใช้ชีวิตวัยหนุ่มของเจ้าเพื่อรับใช้ท่าน
เดินไปทีละก้าวกับคาราวานแห่งกัรบะลา

ใช้โอกาสในเดือนมุฮัรรอมนี้ เพื่อ "ให้กลายเป็นพลพรรคของอิมาม"
บทความโดย เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม