บทฮะดีษเกี่ยวกับการละหมาดญุมอะฮ์
บทฮะดีษเกี่ยวกับการละหมาดญุมอะฮ์
1. ความสำคัญของการเตรียมตัวก่อนละหมาดญุมอะฮ์
قالَ رسولُ اللّه ِ (صلى الله عليه و آله و سلّم):
«من قلم أظافره یوم الجمعة و أخذ من شاربه و استاک و أفرغ علی رأسه من الماء حین یروح إلی الجمعة، شیّعه سبعون ألف ملک، کلّهم یستغفرون له و یشفعون له.»
مستدرک الوسائل، ج ۶، ص ۴۶، ح۱۰
ท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะอาลิฮิ วะซัลลัม) กล่าวว่า: "ผู้ใดที่ในวันศุกร์ ตัดเล็บของตน เล็มหนวด ใช้ไม้สีฟัน (มิสวาก) และอาบน้ำ (ฆุซุล) ก่อนออกไปละหมาดญุมอะฮ์ จะมีมะลาอิกะฮ์ (เทวทูต) เจ็ดหมื่นตนตามไปส่งเขา และขออภัยโทษให้เขา อีกทั้งยังขอให้เขาได้รับการไถ่โทษ (ชะฟาอะฮ์)"
2. การละหมาดญุมอะฮ์เสมือนการไปฮัจญ์
قالَ رسولُ اللّه ِ (صلى الله عليه و آله و سلّم):
«مَن صَلَّى الجُمُعَةَ كُتِبَت لَهُ حَجَّةٌ مُتَقَبَّلَةٌ، فَإن صَلَّى العَصرَ كانَت لَهُ عُمرَةٌ، فإن يُمسي في مَكانِهِ لَم يَسألِ اللّه َ شَيئا إلاّ أعطاهُ إيّاهُ.»
كنز العمّال : ۲۱۰۸۶
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "ผู้ใดที่ทำการละหมาดญุมอะฮ์ จะได้รับผลบุญเสมือนการประกอบฮัจญ์ที่ถูกรับไว้ หากเขาทำละหมาดอัสรฺด้วย ก็จะได้รับผลบุญเสมือนทำอุมัรฮ์ และหากเขานั่งอยู่ที่เดิมจนถึงพลบค่ำ — สิ่งใดที่เขาขอจากอัลลอฮ์ อัลลอฮ์จะประทานให้เขาทั้งหมด"
3. การเริ่มต้นใหม่ด้วยละหมาดญุมอะฮ์
قالَ رسولُ اللّه ِ (صلى الله عليه و آله و سلّم):
«مَن أتَى الجُمُعَةَ إيمانا و احتِسابا، استَأنَفَ العَمَلَ.»
من لا يحضره الفقيه، ج۱، ص۴۲۷، ح۱۲۶۰
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "ผู้ใดเข้าร่วมละหมาดญุมอะฮ์ด้วยความศรัทธาและหวังในผลบุญจากอัลลอฮ์ เขาจะได้เริ่มต้นการกระทำใหม่อีกครั้ง (ราวกับว่าอดีตที่ผิดพลาดถูกลบล้าง และบันทึกแห่งการงานของเขาเริ่มขึ้นใหม่)"
4. ผู้ที่ละเลยญุมอะฮ์
قالَ رسولُ اللّه ِ (صلى الله عليه و آله و سلّم):
«مِنَ الناسِ مَن لا يَأتِي الجُمُعَةَ إلاّ نَزرا، و لا يَذكُرُ اللّه َ إلاّ هَجرا.»
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "บางคนในหมู่มนุษย์ ไม่มาร่วมละหมาดญุมอะฮ์เลย เว้นเพียงน้อยครั้ง และแม้แต่การระลึกถึงอัลลอฮ์ของเขาก็เต็มไปด้วยความละเลยหรือเสแสร้ง"
5. ญุมอะฮ์คือฮัจญ์ของผู้ยากไร้
قالَ رسولُ اللّه ِ (صلى الله عليه و آله و سلّم):
«الجُمُعَةُ حَجُّ المَساكِينِ.»
الدعوات، ص ۳۷، ح ۹۱
ท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะอาลิฮิ วะซัลลัม) กล่าวว่า: "ละหมาดญุมอะฮ์คือฮัจญ์ของผู้ยากไร้"
6. คำแนะนำแก่ผู้ที่ไม่สามารถไปฮัจญ์ได้
قالَ رسولُ اللّه ِ (صلى الله عليه و آله و سلّم):
«لِرَجُلٍ [يقال له قليب] شَكا حِرمانَهُ الحَجَّ ـ : يا قليبُ، علَيكَ بالجُمُعَةِ فإنَّها حَجُّ المَساكِينِ.»
وسائل الشيعه، ج ۵، ص ۱۷
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวแก่ชายคนหนึ่งชื่อว่า เกอลีบ ผู้ที่บ่นว่าตนไม่สามารถไปทำฮัจญ์ได้ว่า: "โอ้เกอลีบ! เจ้าจงยึดมั่นในการละหมาดญุมอะฮ์เถิด เพราะมันคือฮัจญ์ของผู้ยากไร้"
7. การละเลยญุมอะฮ์อาจทำให้หัวใจถูกปิดผนึก
قالَ رسولُ اللّه ِ (صلى الله عليه و آله و سلّم):
«لَيَنتَهِيَنَّ أقوامٌ مِن وَدعِهِمُ الجُمُعاتِ، أو لَيُختَمَنَّ على قُلُوبِهِم، ثُمّ لَيَكُونَنَّ مِنَ الغافِلِينَ.»
وسائل الشيعه، ج ۵، ص ۲۷
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "แน่นอนว่า บางกลุ่มชนจะต้องหยุดละเลยการละหมาดญุมอะฮ์เสียที มิฉะนั้น หัวใจของพวกเขาจะถูกประทับตราไว้ และพวกเขาจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ที่หลงลืม (อัลลอฮ์)"
8. ทิ้งญุมอะฮ์ 3 ครั้ง อาจถูกประทับตราหัวใจ
قالَ رسولُ اللّه ِ (صلى الله عليه و آله و سلّم):
«مَن تَرَكَ ثلاثَ جُمَعٍ تَهاوُنا بها، طَبَعَ اللّه ُ على قَلبِهِ.»
وسائل الشيعه، ج ۵، ص ۲۵
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "ผู้ใดละทิ้งการละหมาดญุมอะฮ์ถึงสามครั้ง ด้วยความไม่ใส่ใจ อัลลอฮ์จะประทับตราหัวใจของเขา"
9. ทิ้งญุมอะฮ์โดยเจตนา = หัวใจเต็มไปด้วยนาฟิก (ภาวะกลับกลอก)
قالَ رسولُ اللّه ِ (صلى الله عليه و آله و سلّم):
«مَن تَرَكَ ثلاثَ جُمَعٍ مُتَعَمِّدا مِن غَيرِ عِلَّةٍ، طَبَعَ اللّه ُ على قَلبِهِ بخاتَمِ النِّفاقِ.»
وسائل الشيعه، ج ۵، ص ۲۶
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "ผู้ใดละทิ้งละหมาดญุมอะฮ์ 3 ครั้งโดยเจตนา และไม่มีเหตุผลที่จำเป็น อัลลอฮ์จะประทับตราหัวใจของเขาด้วยตราแห่ง 'นาฟิก' (ความกลับกลอก/ความเสแสร้ง)"
10. อิมามอะลี (อ.) กับคำตัดสินผู้ละทิ้งญุมอะฮ์สามครั้ง
قالَ أمیرالمؤمنین علی (علیه السّلام):
«مَن تَرَكَ الجُمُعَةَ ثَلاثا مُتتابِعَةً لِغَيرِ عِلَّةٍ، كُتِبَ مُنافِقا.»
وسائل الشيعه، ج ۵، ص ۲۶
ท่านอิมามอะลี (อลัยฮิสสลาม) กล่าวว่า:
"ผู้ใดละทิ้งการละหมาดญุมอะฮ์ติดต่อกันสามครั้งโดยไม่มีเหตุอันสมควร — เขาจะถูกบันทึกว่าเป็นหนึ่งในพวกมุนาฟิก (ผู้เสแสร้ง/กลับกลอก)"
11. การละหมาดญุมอะฮ์ 3 ครั้งโดยไม่มีข้ออ้าง = หัวใจถูกผนึก
قالَ الباقر (علیه السّلام):
«مَن تَرَكَ الجُمُعَةَ ثلاثا مُتَواليَةً بِغَيرِ عِلَّةٍ، طَبَعَ اللّه ُ على قَلبِهِ.»
ثواب الأعمال، ج ۳، ص ۲۷۶
อิมามบากิร (อ.) กล่าวว่า: "ผู้ใดละทิ้งละหมาดญุมอะฮ์ติดต่อกัน 3 ครั้ง โดยไม่มีเหตุอันควร — อัลลอฮ์จะประทับตราหัวใจของเขา"
12. ผู้ที่ละทิ้งญุมอะฮ์สามครั้ง = ทอดทิ้งสามวาญิบ
قالَ الباقر (علیه السّلام):
«صلاةُ الجُمُعَةِ فَريضَةٌ، و الاجتِماعُ إلَيها فَريضَةٌ مع الإمامِ، فإن تَرَكَ رَجُلٌ مِن غَيرِ عِلَّةٍ ثلاثَ جُمَعٍ، فَقَد تَرَكَ ثلاثَ فَرائضَ، و لا يَدَعُ ثلاثَ فَرائضَ مِن غَيرِ عِلَّةٍ إلاّ مُنافِقٌ.»
بحار الأنوار، ج ۸۹، ص۱۸۴، ح۲۱
อิมามบากิร (อ.) กล่าวว่า: "ละหมาดญุมอะฮ์เป็นวาญิบ (ข้อบังคับ) และการรวมตัวกับอิมามในการละหมาดญุมอะฮ์ก็เป็นวาญิบเช่นกัน
ผู้ใดละทิ้งญุมอะฮ์ 3 ครั้งโดยไม่มีข้ออ้าง เท่ากับเขาละทิ้งวาญิบ 3 ประการ
และไม่มีใครละทิ้งวาญิบทั้ง 3 โดยไม่มีเหตุผล เว้นแต่ พวกกลับกลอก (มุนาฟิก)"
13. ช่วงเวลาที่ดุอาอ์ได้รับการตอบรับในวันศุกร์
قالَ الصادق (علیه السّلام):
«اَلسّاعَةُ الَّتى تُسْتَجابُ فيهَا الدُّعآءُ يَوْمَ الْجُمُعَةِ، ما بَيْنَ فَراغِ الاِْمامِ مِنَ الْخُطْبَةِ، اِلَى اَنْ يَسْتَوِىَ النّاسُ فى الصُّفُوفِ، وَ ساعَةٌ اُخْرى مِنْ آخِرِ النَّهارِ إِلى غُرُوبِ الشَّمْسِ.»
وسائل الشيعه، ج ۵، ص ۴۶
อิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า: "ในวันศุกร์ มีช่วงเวลาที่ดุอาอ์ (คำวิงวอน) จะถูกรับ — นั่นคือช่วงเวลาหลังจากอิมามจบการคุตบะ จนถึงขณะผู้คนยืนเข้าแถวเพื่อละหมาด
และอีกช่วงหนึ่งคือช่วงสุดท้ายของวันจนกระทั่งดวงอาทิตย์ตก"
14. ระยะทางที่ยังถือว่าการละหมาดญุมอะฮ์เป็นวาญิบ
قالَ الباقر (علیه السّلام):
«تَجـِبُ الْجـُمُعـَةُ عَلى كُلِّ مَنْ كانَ مِنْها عَلى فَرْسَخَيْنِ.»
وسائل الشيعه، ج ۵، ص ۱۲
อิมามบากิร (อ.) กล่าวว่า: "การละหมาดญุมอะฮ์เป็นวาญิบต่อทุกคนที่อยู่ในระยะทางไม่เกิน สองเฟอร์ซัค (ประมาณ 10-11 กิโลเมตร) จากสถานที่ประกอบละหมาด"
15. ผลบุญของผู้เดินทางที่ร่วมละหมาดญุมอะฮ์ด้วยความสมัครใจ
قالَ الصادق (علیه السّلام):
«اَيُّما مُسافِرٍ صَلَّى الْجُمُعَةَ رَغْبَةً فيها وَ حُبّا لَها، اَعْطاهُ اللّهُ عَزَّوَجَلَّ أَجْرَ مِأَةِ جُمُعَةٍ لِلْمُقيمِ.»
وسائل الشيعه، ج ۵، ص ۲۶
อิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า: "นักเดินทางคนใดที่เข้าร่วมละหมาดญุมอะฮ์ด้วยความสมัครใจและด้วยความรักต่อมัน — อัลลอฮ์จะประทานผลบุญแก่เขาเท่ากับ 100 ญุมอะฮ์ ของผู้ที่ไม่เดินทาง"
16. คำเตือนซ้ำจากท่านศาสดาเรื่องการละเลยญุมอะฮ์
قالَ رسولُ اللّه ِ (صلى الله عليه و آله و سلّم):
«لِيَنْتَهِيَنَّ أَقْوامٌ عَنْ وَدْعِهِمُ الْجُمُعاتِ، أَوْ لَيَخْتِمَنَ اللّه ُ عَلى قُلُوبِهِمْ، ثُمَّ لَيَكُونَنَّ مِنَ الْغافِلينَ.»
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "กลุ่มคนบางกลุ่มจงหยุดละเลยการละหมาดญุมอะฮ์เสีย มิฉะนั้น อัลลอฮ์จะประทับตราหัวใจของพวกเขา และพวกเขาจะกลายเป็นหนึ่งในผู้หลงลืม (อัลลอฮ์)"
17. ผู้ที่ออกจากบ้านไปละหมาดญุมอะฮ์แล้วเสียชีวิต ได้รับสวรรค์
قالَ أمیرالمؤمنین علی (علیه السّلام):
«ضَمِنْتُ لِسِتَّةَ عَلَى اللّه ِ الْجَنَّةَ، مِنْهُمْ رَجُلٌ خَرَجَ اِلَى الْجُمُعَةِ فَماتَ فَلَهُ الْجَنَّةُ.»
وسائل الشيعه، ج ۵، ص ۱۱
ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า: "ฉันรับประกันสวรรค์แก่หกกลุ่มในนามของอัลลอฮ์ หนึ่งในนั้นคือ บุคคลที่ออกจากบ้านเพื่อไปละหมาดญุมอะฮ์ แล้วเสียชีวิตระหว่างทาง — สำหรับเขาแล้ว คือสวรรค์"
18. ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กับคำเตือนหนักแน่นเรื่องการละเลยญุมอะฮ์
ท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "อัลลอฮ์ทรงกำหนดละหมาดญุมอะฮ์เป็นวาญิบแก่พวกเจ้า
ผู้ใดละทิ้งละหมาดญุมอะฮ์ในช่วงชีวิตของฉันหรือหลังจากฉัน ด้วยความไม่ใส่ใจหรือปฏิเสธ — อัลลอฮ์จะทำให้เขาวุ่นวาย ไร้ความจำเริญในงานของเขา
การละหมาดของเขาไม่ถูกรับ การซะกาตของเขาไม่ถูกรับ
การทำฮัจญ์ของเขาไม่ถูกรับ
และการงานที่ดีของเขาจะไม่ถูกรับ จนกว่าเขาจะกลับใจ และเลิกละทิ้งญุมอะฮ์โดยไม่ใส่ใจ"
19. การเตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับวันศุกร์
قالَ الباقر (علیه السّلام):
«وَ اللّهِ لَقَدْ بَلَغَنى اَنَّ اَصْحابَ النَّبِىِّ صلي الله عليه و آله كانُوا يَتَجَهَّزُونَ لِلْجُمُعَةِ يَوْمَ الْخَميسِ لاَِنَّهُ يَوْمَ مَضيقٍ عَلَى الْمُسْلِمينَ.»
وسائل الشيعه، ج ۵، ص ۴۶
อิมามบากิร (อ.) กล่าวว่า: "ขอสาบานต่ออัลลอฮ์! ข้าพเจ้าได้รับรายงานว่า บรรดาสหายของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) เตรียมตัวสำหรับการละหมาดญุมอะฮ์ตั้งแต่วันพฤหัสบดี เพราะวันศุกร์นั้นเป็นวันที่กระชั้นและเร่งรีบสำหรับชาวมุสลิม"
20. เมื่อได้ยินเสียงอะซานวันศุกร์ ละหมาดญุมอะฮ์จึงเป็นวาญิบ
قالَ رسولُ اللّه ِ (صلى الله عليه و آله و سلّم):
«کسی که ندای اذان نماز جمعه را بشنود، نماز جمعه بر او واجب خواهد شد.»
کنزالعمال، ج ۷، ص ۷۲۳
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "ผู้ใดได้ยินเสียงอะซานแห่งวันศุกร์ ละหมาดญุมอะฮ์จะเป็นวาญิบแก่เขา"
21. ผู้กลับจากละหมาดญุมอะฮ์ ชีวิตเริ่มต้นใหม่
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "มีสี่กลุ่มที่ชีวิตและการงานของพวกเขาเริ่มต้นใหม่ ได้แก่
1. ผู้ป่วยที่หายจากโรค
2. ผู้ที่เข้ารับอิสลาม
3. ผู้ที่เพิ่งกลับจากการทำฮัจญ์
4. ผู้ที่กลับมาจากการละหมาดญุมอะฮ์"
22. การละหมาดญุมอะฮ์คือทั้งการพบปะและความสง่างาม
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวว่า: "การไปละหมาดญุมอะฮ์นั้น ทั้งเป็นการพบปะ และเป็นความสง่างามอันงดงามของสังคมมุสลิม"
23. ผู้ที่ละเลยญุมอะฮ์ ต้องถูกห้ามปรามและหัวใจจะถูกปิดผนึก
"บรรดาผู้ที่ละทิ้งการละหมาดญุมอะฮ์ ควรถูกตักเตือนด้วยการห้ามปรามจากความชั่ว และหัวใจของพวกเขาจะถูกประทับตรา (ไม่อ่อนไหวต่อศรัทธาอีกต่อไป)"
บทความโดย เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม

