เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

มุศฮัฟ(กุรอ่าน)อิมามอะลี อ. กับข้อกล่าวหาเรื่องความแตกต่างจากอัลกุรอ่านที่ถูกรวบรวมโดยท่านอุษมาน

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

มุศฮัฟ(กุรอ่าน)อิมามอะลี อ. กับข้อกล่าวหาเรื่องความแตกต่างจากอัลกุรอ่านที่ถูกรวบรวมโดยท่านอุษมาน


ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา ได้มีบางกลุ่มพยายามเผยแพร่ข้อกล่าวหา โดยนำหลักฐานบางส่วนมาอ้างว่า “อัลกุรอานที่ท่านอิมามอะลี อ. ได้เก็บรวบรวม หรือที่เรียกว่า ‘มุศฮัฟอะลี’ นั้น มีจำนวนตัวบท อายะห์ และซูเราะห์แตกต่างไปจากอัลกุรอานที่ถูกรวบรวมในสมัยคอลีฟะห์อุษมาน โดยมุศฮัฟของอิมามอะลี อ. มีมากกว่า
และนี่คือบทฮะดิษที่พวกเขายกมาเป็น “หลักฐาน” เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหา
หนังสือนูรุลบะรอฮีน ,
โดย ซัยยิดเนี้ยะมะตุลลอฮ์ อัลญะซาอิรีย์, ฮศ.1050-1112/เล่ม 1 หน้า 528 
وَرُوِيَ أَنَّ أَمِيرَ الْمُؤْمِنِينَ عَلَيْهِ السَّلَامُ لَمَّا جَمَعَ الْقُرْآنَ بَعْدَ وَفَاةِ النَّبِيِّ صَلَّى ٱللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ، شَدَّهُ بِرِدَائِهِ، وَأَتَىٰ بِهِ إِلَى الْمَسْجِدِ إِلَىٰ أَبِي بَكْرٍ وَأَصْحَابِهِ، وَأَخْبَرَهُمْ أَنَّ هَذَا الْقُرْآنَ كَمَا أُنْزِلَ، وَأَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى ٱللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ أَمَرَهُ بِجَمْعِهِ، فَقَالَ الْأَعْرَابِيُّ: لَا حَاجَةَ بِنَا إِلَيْهِ، عِندَنَا مِثْلُهُ، فَحَمَلَهُ عَلَيْهِ السَّلَامُ وَقَالَ: لَنْ يَرَاهُ أَحَدٌ حَتَّىٰ يَظْهَرَ وَلَدِيَ الْمَهْدِيُّ، فَيَحْمِلَ النَّاسَ عَلَىٰ تِلَاوَتِهِ وَالْعَمَلِ بِأَحْكَامِهِ، وَلَمَّا تَخَلَّفَ الْأَعْرَابِيُّ أَرْسَلَ إِلَىٰ أَمِيرِ الْمُؤْمِنِينَ عَلَيْهِ السَّلَامُ حِيلَةً مِنْهُ عَلَىٰ إِحْرَاقِهِ، كَمَا أُحْرِقَ قُرْآنُ ابْنِ مَسْعُودٍ، فَلَمْ يَرْضَ عَلَيْهِ السَّلَامُ، وَبَقِيَ عِنْدَهُمْ عَلَيْهِمُ السَّلَامُ إِلَى الْآنِ. وَكَانُوا يَقْرَؤُونَهُ عَلَيْهِمُ السَّلَامُ، وَرُبَّمَا عَلَّمُوهُ بَعْضَ خَوَاصِّهِمْ.
تفسير مجمع البيان - الشيخ الطبرسي - ج ١٠ - الصفحة ۱۸۸ و ۱۸۹ و  ٢١٢
มีรายงานว่า เมื่ออะมีรุลมุอ์มินีน (อ) ได้รวบรวมอัลกุรอานภายหลังจากการถึงแก่อสัญกรรมของท่านนะบี (ศ็อลฯ) ท่านได้นำมันมาพันไว้ด้วยผ้าคลุมของท่านแล้วนำไปยังมัสยิด ไปให้กับอบูบักร์และบรรดามิตรของเขา และแจ้งกับพวกเขาว่า “นี่คืออัลกุรอานตามที่ได้ถูกประทานลงมา และแท้จริงท่านะบี (ศ็อลฯ) ได้สั่งให้ฉันรวบรวมมัน.” 
แต่ชาวอาหรับคนนั้น กล่าวว่า
 “เราไม่ต้องการมัน เพราะเรามีเหมือนกันอยู่แล้ว.”
ดังนั้น ท่าน(อ) จึงแบกมันไว้แล้วกล่าวว่า
 “จะไม่มีใครได้เห็นมันอีก จนกว่าลูกหลานของฉัน อัลมะฮ์ดี จะปรากฏตัวขึ้น และจะผลักดันให้ผู้คนอ่านมันและปฏิบัติตามบทบัญญัติของมัน”
และเมื่อชาวอาหรับคนนั้นแยกตัวออกไป เขาได้ส่งคนไปหาอะมีรุลมุอ์มินีน(อ)โดยวางกลอุบายเพื่อที่จะเผามัน เช่นเดียวกับที่เคยเผากุรอานของอิบนุ มัสอูด แต่ท่าน (อ) ไม่ยินยอม และมันก็ยังคงอยู่กับพวกเขา (อะฮ์ลุลบัยต์ อ.) จนถึงตอนนี้ พวกเขา (อะฮ์ลุลบัยต์ อ.) ใช้อ่านมัน และบางครั้งก็สอนให้แก่บรรดาคอวาซ(สาวกใกล้ชิดพิเศษ)ของพวกเขา.
พี่น้องผู้มีเกียรติทั้งหลาย
จากตรงนี้ หากเราหยิบตัวบทฮะดิษนั้นมาพิจารณาอย่างเป็นกลาง จะเห็นได้ว่า ไม่มีถ้อยคำใดในวจนะของท่านอิมามอะลี อ. ที่กล่าวว่าอัลกุรอานปัจจุบันถูกบิดเบือน หรือขาดหายไป สิ่งที่ท่านอิมาม อ. ได้ทำคือการรวบรวมตัวบทอัลกุรอาน พร้อมกับบันทึกประกอบ เช่น อัสบาบุน-นุซูล (เหตุแห่งการประทาน), การจำแนกมักกีย์–มะดานีย์, ตลอดจนคำอธิบายและการตีความที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจบริบทได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น  ความว่า :
ตรงนี้ถ้าให้ตอบอย่างมีระบบและไม่ “ตีกินรวบ” ต้องแยกเป็นประเด็นชัด ๆ เลยว่า ความต่างระหว่าง มุศฮับอิมามอะลี อ.” กับอัลกุรอ่านของท่านอุษมาน” อยู่ที่ไหน
1. สิ่งที่ เหมือนกัน
 • จำนวนซูเราะห์ : ทั้งสองคือ 114 ซูเราะห์เท่ากัน
 • จำนวนอายะห์ : เหมือนกันทุกประการ
 • ถ้อยคำ–ถ้อยอักษร : ไม่มีส่วนเกินหรือลด ไม่มีการบิดเบือน
2. สิ่งที่ ต่างกัน
 1. การจัดลำดับซูเราะห์
 • มุศฮัฟอิมามอะลี อ. : จัดเรียงตาม ลำดับการประทาน (اسباب النزول), และหนึ่งในความแตกต่างที่ปรากฏชัดเจนคือเรื่องลำดับของซูเราะห์ ริวายัตระบุว่าอัลกุรอานของอิมามอะลี อ. เรียงตามลำดับการประทานลงมาจากสวรรค์ เช่น เริ่มด้วยซูเราะห์ อัล-อะลัก (العلق) ต่อด้วย อัล-มุดัรษีร(المدثر) และ มุซัมมิล (المزمل)…
 • มุศฮัฟอุษมาน : จัดตาม การกำหนดในยุคคอลีฟะฮ์ ซึ่งไม่ได้ตรงกับลำดับการประทาน
 2. คำอธิบายเพิ่มเติม
 • ในมุศอัฟของอิมามอะลี อ. มีการ ใส่บันทึกประกอบ เช่น ระบุว่า
 • อายะห์นี้ประทานในเหตุการณ์ใด
 • ลงมาเกี่ยวกับใคร
 • เป็นมักกีย์หรือมะดานีย์
 • รวมถึงคำอธิบายเรื่อง นาสิค–มันซูค
 • ส่วนมุศอัฟฟของอุษมาน มีเพียง ข้อความอายะห์ล้วน ๆ
3. สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับ “การบิดเบือน”
 • ไม่มีหลักฐานใด ที่ระบุว่าอิมามอะลี อ. บอกว่าอัลกุรอานของท่านมีมากกว่า 114 ซูเราะห์
 • ความต่าง อยู่ที่ ลำดับ และ คำอธิบายประกอบ ไม่ใช่ เนื้อหา ของวะห์ยู
สรุปชัด ๆ :
 • ถ้าคุณบอกว่า “คนละเล่ม” = ถูกในแง่ การเรียบเรียง
 • แต่ถ้าจะบอกว่า “คนละเล่มจนทำให้กุรอานของท่านอิมามอะลีมีมากกว่า/น้อยกว่าที่เรามี” = ไม่มีหลักฐาน และขัดกับวจนะของอิมามอะลีเอง
ดังนั้น “ความแตกต่าง” ที่ปรากฏระหว่างมุศฮัฟของอิมามอะลี อ. และอัลกุรอ่านที่ถูกรวบรวมโดยคอลีฟะห์อุษมาน มิใช่ความแตกต่างในเชิง จำนวนซูเราะห์หรืออายะห์ แต่เป็นความแตกต่างใน การจัดลำดับ และ การใส่คำอธิบายประกอบ เท่านั้น
ตรงกันข้าม เรายังพบหลักฐานอันชัดเจนยิ่งว่า อัลกุรอานในยุคของท่านนบี (ศ็.) และอัลกุรอานที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน คือเล่มเดียวกัน ไม่มีขาด ไม่มีเกิน
อิมามอะลี (อ.) ได้เล่าว่า:
«سُئِلْتُ النَّبِيَّ (ص) عَنْ ثَوَابِ الْقُرْآنِ، فَأَخْبَرَنِي بِثَوَابِ سُورَةٍ سُورَةٍ عَلَى نَحْوٍ مَا نُزِلَتْ مِنَ السَّمَاءِ… ثُمَّ قَالَ النَّبِيُّ جَمِيعُ سُوَرِ الْقُرْآنِ مِائَةٌ وَأَرْبَعُ عَشَرَ سُورَةً وَجَمِيعُ آيَاتِ الْقُرْآنِ سِتَّةُ آلَافِ آيَةٍ وَمِئَتَا آيَةٍ وَسِتٌّ وَثَلَاثُونَ آيَةً وَجَمِيعُ حُرُوفِ الْقُرْآنِ ثَلَاثُ مِائَةِ أَلْفٍ وَوَاحِدٌ وَعِشْرُونَ أَلْفًا وَمِئَتَا وَخَمْسُونَ حَرْفًا»
อิมามอะลี อ. กล่าวว่า:
ข้าพเจ้าได้ถามท่านศาสนทูต ศ็อลฯ เกี่ยวกับผลบุญของอัลกุรอาน
ท่านจึงบอกแก่ข้าพเจ้าถึงผลบุญของแต่ละซูเราะห์ ตามลำดับที่ถูกประทานลงมา…
จากนั้นท่านศาสนทูตกล่าวว่า:
 • จำนวนซูเราะห์ทั้งหมดของอัลกุรอานมี 114 ซูเราะห์
 • จำนวนอายะห์ทั้งหมดมี 6,236 อายะห์
 • จำนวนตัวอักษรทั้งหมดมี 321,250 ตัวอักษร
นี่คือการยืนยันจากทั้งท่านศาสนทูต ศ็อลฯ และถ่ายทอดโดยท่านอะลี อ. เอง ว่า อัลกุรอานเล่มนี้ คือเล่มเดียวกับที่ประทานในยุคนบี ไม่ได้ถูกบิดเบือนหรือตัดทอนใด ๆ ทั้งสิ้น
ดังนั้น ข้อกล่าวหาที่พยายามโยงไปถึง “การบิดเบือนอัลกุรอาน” ไม่เพียงปราศจากน้ำหนัก หากแต่ยังถูกหักล้างด้วยวจนะที่ชัดเจนของท่านอิมามอะลี อ. เอง
♻️ โอ้ผู้ศรัทธาชนทั้งหลาย โอ้พี่น้องมุสลิมที่เคารพ
แท้จริงแล้วอัลกุรอานคือคัมภีร์แห่งพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่ง ซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้อย่างชัดเจนว่า จะทรงปกปักรักษาไว้ให้พ้นจากการบิดเบือนและความขาดพร่องทั้งปวง พระองค์ตรัสว่า:
إِنَّا نَحْنُ نَزَّلْنَا الذِّكْرَ وَإِنَّا لَهُ لَحَافِظُونَ
แท้จริงเราเป็นผู้ประทานอัล-ซิกรฺ (อัลกุรอาน) ลงมา และแท้จริงเราเป็นผู้พิทักษ์รักษามันไว้อย่างมั่นคงแน่นอน
(อัลหิจญ์รฺ 15:9)
ดังนั้น ทุกถ้อยคำที่พยายามจะอ้างว่าอัลกุรอานถูกดัดแปลงหรือขาดหาย ย่อมเป็นเพียงการสาดโคลนที่ไร้พลัง เพราะสวนทางกับคำมั่นสัญญาอันแน่วแน่ของอัลลอฮ์ ซบ. เอง
เมื่อพวกท่านยกริวายัตต่าง ๆ มานำเสนอ ก็จำเป็นต้องพิจารณาด้วยความเที่ยงธรรม — ริวายัตแรกที่ถูกหยิบมาอ้างนั้น แท้จริงแล้ว ไม่ได้กล่าวแม้แต่น้อยว่าอัลกุรอานถูกบิดเบือน สิ่งที่อิมามอะลี อ. ทำเพียงคือการรวบรวม พร้อมอธิบายบริบทและชี้แจง อัซบาบุนนุซูล เพื่อให้ผู้ศรัทธาเข้าใจพระวจนะได้ดียิ่งขึ้น มิใช่การเพิ่มเติมหรือตัดทอน
การนำริวายัตเช่นนี้มาอ้างเพื่อกล่าวหาว่ามีการบิดเบือนในคัมภีร์ของอัลลอฮ์ จึงเท่ากับว่าท่านกำลัง พยายามหักล้างพระวจนะของพระองค์เอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจยืนหยัดได้
จงใคร่ครวญเถิด — หากอัลกุรอานสามารถถูกบิดเบือนได้จริง แล้วสัญญาของอัลลอฮ์ที่ตรัสว่าจะทรงปกป้องมันเล่า? พระดำรัสของพระองค์อาจผิดพลาดหรือไม่? มันเป็นไปได้หรือที่ผู้ทรงสมบูรณ์จะทรงปล่อยให้คัมภีร์สุดท้ายสำหรับมนุษยชาติสูญเสียความบริสุทธิ์ไป?
ไม่, เป็นไปไม่ได้เลย!!
อัลกุรอานยังคงเป็นแสงสว่างที่บริสุทธิ์ ไม่พร่อง ไม่เกิน และไม่ถูกบิดเบือน ทั้งคำพูดและความหมายยังคงอยู่ครบถ้วนตั้งแต่วันแรกที่ประทานลงมา จนถึงทุกวันนี้ และจะดำรงอยู่เช่นนั้นจนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก
ดังนั้น การยกริวายัตดังกล่าวมาอ้างจึงไม่เพียงแต่ไร้ประโยชน์ หากยังเป็นการเสียเวลาเปล่า เพราะไม่อาจทำลายคำสัญญาอันชัดแจ้งของพระเจ้าได้เลย

บทความโดย เชคอันศอร เหล็มปาน

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม