ภารกิจสำคัญของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ที่ได้รับมอบหมายจากพระผู้เป็นเจ้า
ภารกิจสำคัญของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ที่ได้รับมอบหมายจากพระผู้เป็นเจ้า
เมื่ออัลลอฮ์ทรงส่งท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) มายังมนุษยชาติ พระองค์ไม่ได้มอบหมายให้ท่านเป็นเพียงผู้สอนศาสนกิจอย่างเดียว แต่กลับวางภาระอันยิ่งใหญ่และหลากหลายไว้บนบ่าของท่าน อัลกุรอานได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า:
﴿وَمَآ ءَاتَىٰكُمُ ٱلرَّسُولُ فَخُذُوهُ وَمَا نَهَىٰكُمۡ عَنۡهُ فَٱنتَهُواْۚ﴾
“สิ่งใดที่ศาสดานำมาให้พวกท่าน ก็จงรับไว้ และสิ่งใดที่ท่านห้าม ก็จงละเว้นเสีย” (อัลฮัชร 59:7)
จากโองการนี้ เราเข้าใจว่า สิ่งที่ท่านศาสดานำมา มิใช่เพียงบทบัญญัติ แต่รวมถึงภารกิจที่พระเจ้าทรงมอบหมายไว้โดยตรง และไม่มีใครมีสิทธิเข้าถึงตำแหน่งเหล่านี้ เว้นแต่ด้วยการแต่งตั้งจากพระองค์
ภารกิจหลัก 3 ประการของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) มีดังนี้:
1. ภารกิจแห่ง นุบูวะฮ์และริสาละฮ์ – การเป็นศาสดาและผู้ส่งสาร
หัวใจสำคัญของการเป็นศาสดา คือ การรับวิวรณ์และถ่ายทอดพระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าไปยังประชาชน
อัลกุรอานกล่าวว่า:
﴿مَّا عَلَى ٱلرَّسُولِ إِلَّا ٱلۡبَلَٰغُ﴾
”หน้าที่ของศาสดาไม่มีอื่นใด นอกจากการถ่ายทอด (สารของพระเจ้า)” (อัลมาอิดะฮ์ 5:99)
ดังนั้น สิ่งที่ท่านศาสดาได้รับ เช่น การละหมาด การถือศีลอด การซะกาต การประกอบพิธีฮัจญ์ ตลอดจนหลักการในการดำเนินชีวิตประจำวัน ล้วนถูกส่งมาจากคำวิวรณ์ และท่านถ่ายทอดต่อประชาชน พร้อมกับการอธิบายและการสอน เพื่อให้พวกเขาเข้าใจและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
หน้าที่นี้ทำให้ท่านมิใช่เพียงผู้ส่งสาร แต่เป็น “ครูของมวลมนุษย์” ผู้สอนด้วยทั้งถ้อยคำและแบบอย่างชีวิตจริง
2. ภารกิจแห่ง การพิพากษา (อัลกอฎออ์)
อีกหนึ่งตำแหน่งที่พระเจ้ามอบให้คือ การตัดสินข้อพิพาทในหมู่ผู้คน ซึ่งเป็นภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์และละเอียดอ่อน เพราะเกี่ยวข้องกับความยุติธรรมโดยตรง
อัลกุรอานกล่าวว่า:
﴿فَلَا وَرَبِّكَ لَا يُؤۡمِنُونَ حَتَّىٰ يُحَكِّمُوكَ فِيمَا شَجَرَ بَيۡنَهُمۡ ثُمَّ لَا يَجِدُواْ فِيٓ أَنفُسِهِمۡ حَرَجٗا مِّمَّا قَضَيۡتَ وَيُسَلِّمُواْ تَسۡلِيمٗا﴾
“ขอสาบานต่อพระเจ้าของเจ้า พวกเขาจะไม่ศรัทธาอย่างแท้จริง จนกว่าพวกเขาจะให้เจ้า (มุฮัมมัด) ตัดสินในเรื่องที่โต้เถียงกัน และพวกเขาไม่รู้สึกลำบากใจต่อสิ่งที่เจ้าได้ตัดสิน แล้วพวกเขาจึงยอมรับด้วยการยอมจำนนโดยสิ้นเชิง” (อันนิซาอ์ 4:65)
โองการนี้แสดงให้เห็นว่า “การยอมรับคำตัดสินของท่านศาสดา” เป็นเงื่อนไขของความศรัทธาที่แท้จริง ท่านไม่เคยลำเอียง ไม่ว่าจะเป็นผู้ศรัทธาที่เสียสละมาตั้งแต่แรกเริ่ม มุสลิมใหม่ หรือแม้กระทั่งผู้ที่มิใช่มุสลิมแต่มีพันธสัญญากับรัฐอิสลาม ทุกคนต้องได้รับความยุติธรรมอย่างเสมอภาค
ดังนั้น ภารกิจด้านการพิพากษาของท่านศาสดาคือ เสาหลักที่ยืนยันว่าศาสนาอิสลามตั้งอยู่บนความยุติธรรม มิใช่อคติส่วนตัว
3. ภารกิจแห่งการปกครอง (อัลฮุกูมะฮ์)
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ไม่เพียงเป็นศาสดาและผู้พิพากษา แต่ยังได้รับตำแหน่งสูงสุดในการปกครองสังคมและรัฐอิสลาม
พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งให้ท่านเป็นประมุข มีหน้าที่บริหารกิจการบ้านเมือง จัดการสังคม วางนโยบาย ตัดสินใจด้านการทหารและการเมือง ตลอดจนดูแลเศรษฐกิจ เช่น การสั่งให้เพาะปลูกผลผลิตบางชนิดในบางปี
ท่านศาสดาดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐอิสลามในนครมะดีนะนานถึง 10 ปีเต็ม โดยทำหน้าที่ทั้งสามอย่างควบคู่กัน:
• ในฐานะศาสดา: ถ่ายทอดคำสั่งและคำสอนจากพระผู้เป็นเจ้า
• ในฐานะผู้พิพากษา: ตัดสินความขัดแย้งและรักษาความยุติธรรม
• ในฐานะผู้ปกครอง: บริหารสังคม จัดการการเมือง และนำพาประชาชาติไปสู่ความมั่นคง
สรุปก็คือว่า: ทั้งสามภารกิจนี้ การเป็นศาสดา, ผู้พิพากษา และผู้ปกครอง คือบทบาทที่รวมอยู่ในตัวท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) โดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้า ผู้ศรัทธาจึงมีหน้าที่ต้องยอมรับ เชื่อฟัง และปฏิบัติตามอย่างสิ้นเชิง เพราะนี่คือรากฐานของความศรัทธาที่แท้จริง และคือหนทางที่จะทำให้ชุมชนมุสลิมดำรงอยู่บนความถูกต้อง ความยุติธรรม และการนำพาที่มั่นคง
บทความโดย เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม

