ซะอ์ด บิน อุบาดะฮ์: ผู้นำ ผู้กล้าหาญแห่งเผ่าคอซรอจ (สาวกนบี ตอนที่ 1)
ซะอ์ด บิน อุบาดะฮ์: ผู้นำ ผู้กล้าหาญแห่งเผ่าคอซรอจ (สาวกนบี ตอนที่ 1)
ซะอ์ด บิน อุบาดะฮ์ แห่งเผ่าคอซรอจ เป็นหนึ่งในผู้นำคนสำคัญของ อันซ็อร (ชาวเมืองมะดีนะฮ์ผู้สนับสนุนอิสลาม) และเป็นผู้ใกล้ชิดที่ปรึกษาของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซ็อลฯ) โดยเขามีบทบาทอย่างมากในการร่วมรบในหลายสมรภูมิ รวมถึงสงครามอะห์ซาบ (สงครามแนวร่วม) ด้วย
ซะอ์ดเป็นหัวหน้าของเผ่าคอซรอจ และได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำที่ชาญฉลาด ใจกว้าง และมีเกียรติทั้งในยุคก่อนและหลังอิสลามมาถึง เขาเคยถูกเสนอชื่อโดยชาวอันซ็อรให้เป็น ผู้นำคอลีฟะฮ์ หลังการเสียชีวิตของท่านศาสดา ณ สะกีฟะฮ์ บนีซาอิดะฮ์ แต่เมื่ออาบูบักร, อุมัร และอบูอุบัยดะฮ์ อิบนุ้ลญัรรอฮ์เข้าร่วมการประชุมและอุมัรให้สัตยาบันแก่การเป็นคอลีฟะฮ์ของอาบูบักรอย่างชัดเจน ทำให้ความหวังของซะอ์ดต้องยุติลง
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ซะอ์ดไม่เคยให้สัตยาบัน (บัยอัต) กับคอลีฟะฮ์คนแรกและคนที่สองเลยตลอดชีวิต และสุดท้ายเขาถูกลอบสังหารในสมัยคอลีฟะฮ์อุมัร บางรายงานระบุว่าเป็นฝีมือของญิน!
เชื้อสายและครอบครัว:
ชื่อเต็มของเขาคือ ซะอ์ด บิน อุบาดะฮ์ บิน ดุลัยม์ บิน ฮาริษะฮ์ แห่งเผ่าคอซรอจ ผู้มีฉายาว่า อบูซาบิท หรือ อบูก็อยส์ ตระกูลของเขาเป็นชนชั้นสูงของเผ่าคอซรอจในเมืองยัษริบ (มะดีนะฮ์ในปัจจุบัน) บิดาของเขา(อุบาดะฮ์)เป็นผู้นำเผ่า ส่วนมารดา(อุมัรฮ์ บินต์ มัสอูด)เป็นสตรีผู้ศรัทธาและได้ให้สัตยาบันต่อท่านศาสดาด้วย
ก่อนเข้าสู่อิสลาม ซะอ์ดได้รับฉายาว่า “ซะอ์ดผู้สมบูรณ์” เนื่องจากเขาเชี่ยวชาญการอ่านเขียน ยิงธนู และว่ายน้ำ ในยุคญาฮิละฮ์ (ก่อนอิสลาม) เขาและบรรพบุรุษขึ้นชื่อเรื่องความใจกว้างและการต้อนรับแขก และชื่อเสียงนี้ยังคงอยู่ในยุคอิสลาม
มีเรื่องเล่าว่า บรรพบุรุษของเขา(ดุลัยม์)เคยประกาศทุกวันว่า
“ใครอยากกินอาหารอร่อยและมีคุณภาพดี จงมาที่บ้านของดุลัยม์”
ธรรมเนียมนี้ตกทอดมายังอุบาดะฮ์ จากนั้นถึงซะอ์ด และต่อด้วยลูกชายของเขา ก็อยส์ บิน ซะอ์ด ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีความเอื้อเฟื้อที่สุดในตระกูล
นักประวัติศาสตร์อย่างอิบนุซิรินบันทึกว่า ท่านศาสดามูฮัมหมัดเคยแบ่งคนจนจากกลุ่ม อะฮ์ลุซซุฟฟะฮ์ ให้เหล่าซอฮาบะฮ์ดูแลอาหารค่ำ ซึ่งบางคนรับไปดูแล 1 หรือ 2 คน แต่ซะอ์ดกลับพาไปเลี้ยงที่บ้านของเขาถึง 80 คนต่อคืน!
ท่านศาสดาเคยกล่าวอวยพรแก่เขาหลังละศีลอดในบ้านของซะอ์ดว่า:
“ขอให้บรรดาผู้ถือศีลอดและคนดีๆ ได้กินอาหารที่บ้านของท่าน และขอให้มลาอิกะฮ์ (เทพ/ทูตสวรรค์) ส่งความศานติแก่พวกท่าน”
นอกจากนี้ ซะอ์ดและลูกๆ ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยจัดงานแต่งงานของท่านอาลี (อ.) และท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ.) อีกด้วย
การเข้าสู่อิสลาม:
ซะอ์ดเข้ารับอิสลามในเหตุการณ์ บัยอัตอะเกาะบะฮ์ ซึ่งเขาเป็นหนึ่งใน 70 คนจากยัษริบที่ให้สัตยาบันต่อท่านศาสดา และยังเป็นหนึ่งใน 12 ผู้นำตัวแทน ที่ท่านศาสดาเลือกโดยได้รับการแนะนำจากมลาอิกะฮ์ญิบรีล
เมื่อเขาเข้ารับอิสลาม เขาได้ร่วมกับมุนซิร บิน อัมร์ และอบูดุญานะฮ์ ในการทำลายรูปเคารพของเผ่าบนีซาอิดะฮ์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความศรัทธาอันมั่นคงของเขา
บทบาทในสงครามและกองทัพ:
ซะอ์ดเข้าร่วมในเกือบทุกสงครามเคียงข้างท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ถึงแม้จะมีข้อถกเถียงว่าเขาได้เข้าร่วมสงครามบัดร์หรือไม่ แต่ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้นำที่ท่านศาสดาไว้วางใจที่สุด
ในสงครามอัซซับ เมื่อท่านศาสดาเข้าหารือเรื่องการเจรจากับผู้นำกลุ่มมุชริกีน (พวกไม่เชื่อในพระเจ้าองค์เดียว) ซะอ์ด บิน อุบาดะฮ์ และซะอ์ด บิน มุอาซ แสดงความเด็ดขาดในการปกป้องเกียรติศักดิ์ศรีของอิสลาม ทำให้ท่านศาสดายุติการเจรจาและเลือกเผชิญหน้าทางทหาร
ในทุกสมรภูมิ ธงของกลุ่มอันซ็อร จะอยู่ในมือของซะอ์ด ส่วนธงของกลุ่มมุฮาญิรีน (ชาวมักกะฮ์ที่อพยพมายังมะดีนะฮ์) อยู่ในมือของอิมามอาลี (อ.)
ในเหตุการณ์ พิชิตนครมักกะฮ์ ธงชัยของทัพอันซ็อรก็ยังอยู่ในมือซะอ์ด เขาได้ตะโกนถ้อยคำแห่งชัยชนะและการล้างแค้น ทว่าเมื่อถ้อยคำดังกล่าวถึงหูท่านศาสดา ท่านจึงสั่งให้อิมามอาลี (อ.) ไปเปลี่ยนธงและประกาศคำขวัญใหม่ว่า:
"วันนี้คือวันแห่งความเมตตา ไม่ใช่วันแห่งการล้างแค้น"
ในบางรายงาน ระบุว่า คนที่ไปเปลี่ยนธงแทนไม่ใช่อิมามอาลี แต่เป็น ก็อยส์ บุตรของซะอ์ด
บทบาทของซะอ์ด บิน อุบาดะฮ์ หลังการถึงแก่อสัญกรรมของท่านศาสดา
ความขัดแย้งในเรื่องการสืบทอดอำนาจ
หลังจากท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) เสียชีวิต ซะอ์ด บิน อุบาดะฮ์ ได้รับการเสนอชื่อจากกลุ่มผู้นำอันซ็อรในเมืองมะดีนะฮ์ ให้เป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิ์รับตำแหน่งผู้นำ (คอลีฟะฮ์) โดยการประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นที่ สะกีฟะฮ์ บนีซาอิดะฮ์ แต่เมื่ออาบูบักร, อุมัร และอบูอุบัยดะฮ์ อิบนุ้ลญัรรอฮ์ เดินทางมาถึง พวกเขาสามารถโน้มน้าวให้ผู้คนในที่นั้นหันมาสนับสนุนอาบูบักรแทน แม้ว่าซะอ์ดจะแสดงการคัดค้านอย่างชัดเจน แต่สุดท้ายบรรดามุสลิมก็ให้สัตยาบัน (บัยอัต) กับอาบูบักรในฐานะคอลีฟะฮ์
บางแหล่งข้อมูลระบุว่า ซะอ์ดเองไม่ได้มีความตั้งใจจะแย่งชิงตำแหน่ง แต่เป็นชาวคอซรอจต่างหากที่เสนอชื่อเขา อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือ ซะอ์ดไม่เคยให้สัตยาบันต่ออาบูบักรเลย และชาวเผ่าของเขาก็ปฏิเสธการบัยอัตตามแบบเดียวกัน
ในอีกด้านหนึ่ง มีการรายงานว่า ซะอ์ดมีความปรารถนาอยากเป็นคอลีฟะฮ์ แต่เมื่อความพยายามไม่ประสบผลสำเร็จ เขาจึงปฏิเสธที่จะให้การยอมรับใดๆ ต่อผู้นำคนใหม่
แม้ภายหลังจะมีความพยายามจากฝ่ายรัฐบาลในการบังคับให้เขายอมรับอาบูบักร แต่ซะอ์ดก็ยืนกรานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด พร้อมกล่าวว่า:
"เมื่อฉันไม่ยอมหลอกตัวเอง ฉันก็จะไม่หลอกใคร และฉันจะไม่เดินทางสู่ไฟนรกเพื่อคนอื่น"
ในสมัยของคอลีฟะฮ์อุมัร:
เรื่องราวของการปฏิเสธไม่บัยอัตยังดำเนินต่อมาในสมัยคอลีฟะฮ์คนที่สอง อุมัร บิน ค็อฏฏอบ ถึงแม้ว่าอุมัรจะพยายามอย่างมากในการให้ซะอ์ดยอมรับผู้นำ แต่ก็ไม่เป็นผล
ความเข้มแข็งของเผ่าคอซรอจที่อยู่เบื้องหลังซะอ์ด ทำให้ทางการไม่กล้าใช้กำลังกับเขา
มีเรื่องเล่าว่า ก็อยส์ บิน ซะอ์ด ลูกชายของเขา ได้กล่าวเตือนอุมัรว่า:
"ท่านไม่มีทางบังคับให้ซะอ์ดบัยอัตได้นอกจากจะฆ่าเขา และถ้าท่านฆ่าซะอ์ด ก็ต้องฆ่าทั้งเผ่าคอซรอจ และหากฆ่าคอซรอจ ก็ต้องฆ่าเผ่าเอาซ์ และนั่นหมายถึงสงครามกับทั้งเผ่าของเยเมน ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านไม่มีทางทำได้"
ก็อยส์ บิน ซะอ์ด: ลูกชายผู้ภักดีต่ออะมีรุลมุอ์มินีน (อ.)
ลูกชายของซะอ์ด คือ ก็อยส์ บิน ซะอ์ด เป็นหนึ่งในผู้ที่ไม่ยอมบัยอัตต่ออาบูบักรในช่วงเหตุการณ์สะกีฟะฮ์ เขาหันไปหาท่านอิมามอาลี (อ.) และกลายเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนและข้าราชการคนสำคัญของท่านอิมามอาลี (อ.) ในภายหลัง
การเสียชีวิตของซะอ์ด บิน อุบาดะฮ์
ซะอ์ดเสียชีวิตในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 15 ขณะกำลังเดินทางจากมะดีนะฮ์ไปยังเมือง หูราน ในแคว้นชาม (ซีเรียในปัจจุบัน) อย่างไรก็ตาม บางรายงานระบุว่าปีที่เขาเสียชีวิตอาจเป็นปีที่ 11 หรือ 14 แต่ข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดคือปีที่ 15
ความคลุมเครือเรื่องสาเหตุการเสียชีวิต:
เรื่องราวเกี่ยวกับการตายของซะอ์ดมีความขัดแย้งกัน บางแหล่งกล่าวว่าเขาเสียชีวิตด้วยโรคภัยระหว่างการเดินทาง ซึ่งถือเป็นการตายตามธรรมชาติ
แต่บางแหล่งกลับเชื่อว่าเขาถูกลอบสังหาร (โดยเฉพาะหลังจากที่เขาปฏิเสธไม่ยอมบัยอัตกับคอลีฟะฮ์อุมัร)
หนึ่งในเรื่องเล่าที่แปลกประหลาดและเป็นที่ถกเถียงกันมากในหมู่นักประวัติศาสตร์ คือการอ้างว่า “ญิน” (สิ่งลึกลับในอิสลาม) ฆ่าเขา เพราะเขายืนปัสสาวะ
ว่ากันว่าญินเหล่านี้ได้กล่าวเป็นบทกวีหลังจากสังหารเขาว่า:
เราฆ่าผู้นำแห่งเผ่าคอซรอจ ซะอ์ด บิน อุบาดะฮ์
ด้วยธนูสองดอกที่พุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของเขา!
การโต้แย้งเรื่องญินฆ่า:
เรื่องนี้ถูกตั้งข้อสงสัยอย่างหนักจากนักวิชาการทั้งสุนนีและชีอะฮ์ อิบนุ อบี อัลฮะดีด (นักวิชาการมุอฺตะซิละฮ์) ได้อ้างถึงบทสนทนาที่ประชดประชันเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า:
มีชายคนหนึ่งถามชาวชีอะฮ์ว่า:
“หากอิมามอาลี (อ.) เป็นคอลีฟะฮ์ที่ชอบธรรม แล้วเหตุใดจึงไม่ลุกขึ้นทวงสิทธิของตน?”
ชาวชีอะฮ์ตอบกลับอย่างเหน็บแนมว่า:
“เพราะเกรงว่าญินจะฆ่าเขา เหมือนที่ฆ่าซะอ์ด บิน อุบาดะฮ์!”
ถึงขั้นมีบทกวีประชดกล่าวไว้ว่า:
พวกเขาว่าญินฉีกท้องซะอ์ด ( แต่ใครจะรู้ว่าอาจเป็นเล่ห์เหลี่ยมของเจ้าเอง
ซะอ์ดไม่ได้ผิดที่ยืนปัสสาวะ ) ความผิดของเขาคือไม่ยอมบัยอัตต่ออาบูบักร!
ข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง:
มีรายงานอีกสายหนึ่งระบุว่า คอลิด บิน วะลีด และ มุฮัมมัด บิน ซัลมะฮ์ อันซอรี ได้รับคำสั่งจากอุมัรให้เดินทางไปหาซะอ์ดในชามเพื่อบังคับให้เขาบัยอัต เมื่อถูกปฏิเสธ พวกเขาต่างยิงธนูใส่ซะอ์ด และทำให้เขาเสียชีวิต
สุดท้ายแล้วซะฮ์ด บินอุบาดะฮ จะเสียชีวิต ด้วยอะไรก็ตาม ที่แน่ๆคือเขาไม่ได้ยอมรับในการเป็นคอลีฟะฮเหล่านั้นเลย
บทความโดย เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม

