ความแตกต่างด้านความเชื่อระหว่างนิกายชีอะฮ์และซุนนี
ความแตกต่างด้านความเชื่อระหว่างนิกายชีอะฮ์และซุนนี
ความเห็นต่างระหว่างนิกายชีอะฮ์และซุนนีมีรากฐานมาจากประเด็นสำคัญเรื่อง อิมามะฮ์ (การเป็นผู้นำทางศาสนา) และ การสืบทอดตำแหน่งหลังจากท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะอาลิฮิ วะซัลลัม)
จุดเริ่มต้นของความแตกต่าง:
ชีอะฮ์: เชื่อว่าท่านศาสดา (ศ็ลฯ) ได้แต่งตั้งผู้นำไว้แล้ว นั่นคือท่านอิมามอะลี (อะลัยฮิสสลาม) และลูกหลานของท่าน ซึ่งพวกเขาคือผู้สืบทอดโดยตรง มีหลักฐานรองรับจากทั้ง คัมภีร์กุรอาน และ ฮะดิษของท่านศาสดา
ในขณะที่ซุนนี: เชื่อว่าท่านศาสดา (ศ็อลฯ) มิได้ตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งอย่างชัดเจน และเปิดโอกาสให้ประชาคมอิสลาม (อุมมะฮ) เป็นผู้เลือกผู้นำเอง ดังนั้นจึงถือว่า อบูบักรเป็นเคาะลีฟะฮ์ (ผู้นำ) คนแรก ตามที่มีการแต่งตั้งใน "ซะกีฟะฮ์ บนีซะอิดะฮ์" จากนั้นจึงตามมาด้วย อุมัร, อุษมาน และ อะลี (อ.)
ความแตกต่างนี้ได้นำไปสู่ความเห็นต่างอื่น ๆ อีกในประเด็นทางความเชื่อและกฎหมายอิสลาม (ฟิกฮ์)
จุดร่วมและจุดต่างในทางความเชื่อ:
แม้จะมีความแตกต่าง แต่ทั้ง ชีอะฮ์ และ ซุนนี มีจุดร่วมสำคัญในหลักพื้นฐานของศาสนา เช่น:
-ความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว (เตาฮีด)
-ศาสดา (นะบูวะฮ์)
-การฟื้นคืนชีพในวันอาคิเราะฮ์ (มะอาด)
-การปฏิบัติศาสนกิจพื้นฐาน เช่นละหมาด, ถือศีลอด, ซะกาต, หัจญ์, การส่งเสริมความดีและห้ามปรามความชั่ว
อย่างไรก็ตาม มีบางประเด็นในสาขาความเชื่อ (ฟูรูอฺ) ที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นที่ต่างกัน เช่น:
1. ความแตกต่างเรื่องคุณลักษณะของพระเจ้า:
ชีอะฮ์: เชื่อตามคำสอนของอะฮ์ลุลบัยต์ว่า คุณลักษณะของพระเจ้า เช่น ความรู้, การมีชีวิต, พลังอำนาจ ฯลฯ เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์เอง ไม่ใช่สิ่งที่แยกออกจากพระองค์
ซุนนี: เชื่อว่าคุณลักษณะเหล่านี้ มีอยู่แยกต่างหาก จากพระองค์ซึ่งจะนำไปสู่ข้อสรุปว่าพระเจ้าต้องพึ่งพาสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากพระองค์เองเพื่อรู้หรือกระทำการใด ๆ ขัดแย้งกับหลักการที่ว่าพระองค์คือ "ผู้ไม่มีสิ่งใดเทียบเทียม" (لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ - ซูเราะฮ์ อัช-ชูรอ 42:11)
2. ความยุติธรรมของพระเจ้า:
ชีอะฮ์: เชื่อว่าพระเจ้าทรงยุติธรรมโดยสอดคล้องกับเหตุผลของมนุษย์ บางการกระทำมีความดีโดยธรรมชาติ (หะซัน) และบางอย่างเลวร้ายโดยธรรมชาติ (กะบีฮ์) ซึ่งมนุษย์สามารถตัดสินด้วยเหตุผลได้ เช่น ความยุติธรรมเป็นสิ่งดี และความอยุติธรรมเป็นสิ่งไม่ดี
ดังนั้นพระเจ้าจะไม่ทรงสั่งหรือห้ามเว้นแต่ในสิ่งที่ดีและเลวตามเหตุผลจริง พระองค์จึงไม่ทรงกระทำความอยุติธรรมใด ๆ เลย
ในขณะซุนนี: มองว่าการกระทำจะดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับคำสั่งของพระเจ้าเท่านั้น หากพระเจ้ากำหนดสิ่งใดว่าดี ก็เป็นสิ่งดี แม้ในความเข้าใจของมนุษย์อาจไม่เห็นว่าเป็นเช่นนั้น
ดังนั้นพระเจ้าจะไม่ถูกจำกัดด้วยเหตุผลของมนุษย์ แม้พระองค์จะทรงกระทำบางอย่างที่มนุษย์เห็นว่าเป็นความอยุติธรรม ก็ยังถือว่าเป็น "ยุติธรรม" เพราะมาจากพระองค์
3. ความเชื่อเกี่ยวกับศาสดา (นะบี):
ทั้งสองนิกายยอมรับหลักการเรื่อง "นะบูวะฮ์" หรือการแต่งตั้งศาสดา แต่มีความเห็นต่างกันในรายละเอียดบางประเด็น เช่น:
3.1 การแต่งตั้งศาสดาเป็นหน้าที่หรือไม่?
ชีอะฮ์: เชื่อว่าการแต่งตั้งศาสดาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพระเจ้า เนื่องจากการส่งศาสดาเพื่อแนะนำมนุษย์เป็น ความโปรดปราน (ลุฏฟ์) และพระเจ้าต้องทรงกระทำสิ่งที่ดีที่สุดต่อปวงบ่าว
ซุนนี: เชื่อว่าการแต่งตั้งศาสดาไม่จำเป็น พระเจ้าจะส่งหรือไม่ส่งศาสดาก็ได้ ขึ้นอยู่กับพระประสงค์
3.2 ความเชื่อในเรื่อง “อิศมะฮ์” (ความบริสุทธิ์จากบาป) ของศาสดา
ชีอะฮ์: ถือว่าศาสดาทุกท่านมีอิศมะฮ์อย่างสมบูรณ์ คือปลอดจากความผิดพลาด, ความลืม, และบาป ทั้งก่อนและหลังการเป็นศาสดา ด้วยหลักฐานจากอัลกุรอาน ที่ว่า:
"وَما كانَ لِنَبِيٍّ أَنْ يَغُلَّ وَمَنْ يَغْلُلْ يَأْتِ بِما غَلَّ يَوْمَ الْقِيامَةِ"
“ไม่มีทางที่ศาสดาจะทรยศ และผู้ใดที่ทรยศ เขาจะต้องนำสิ่งที่เขาทรยศไปในวันกิยามะฮ์” (อาลิอิมรอน 3:161)
ในขณะที่ซุนนี: นักวิชาการหลายท่านในสายซุนนีเชื่อว่าศาสดาอาจมีความผิดพลาดบางอย่างได้ ทั้งก่อนหรือหลังได้รับวะฮีย์ แม้จะไม่ใช่บาปใหญ่ก็ตาม พวกเขาไม่รับรองอิศมะฮ์โดยสมบูรณ์แบบที่ชีอะฮ์ถือ
สรุปก็คือ:
แม้ว่าชีอะฮ์และซุนนีจะมีจุดต่างในหลายประเด็นที่เกี่ยวกับทฤษฎีและหลักการศรัทธา แต่ทั้งสองนิกายยังคงถือว่าอยู่ภายใต้ขอบเขตของอิสลาม และมีหลักการร่วมที่มั่นคง เช่น การศรัทธาในพระเจ้า, ศาสดา, คัมภีร์ และวันอาคิเราะฮ์ ซึ่งเป็นพื้นฐานของความเป็นมุสลิม
#ความแตกต่างเรื่อง "อิมามะฮ์" ระหว่างชีอะฮ์และซุนนี
หนึ่งในประเด็นพื้นฐานที่ทำให้ชีอะฮ์และซุนนีมีความเห็นแตกต่างกัน คือเรื่อง อิมามะฮ์ (การเป็นผู้นำทางศาสนา)
จุดยืนของชีอะฮ์คือ: ชีอะฮ์เชื่อว่า อิมามะฮ์เป็นตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์ที่แต่งตั้งโดยพระเจ้า ไม่ใช่โดยประชาชน
อิมามหรือเคาะลีฟะฮ์ผู้สืบทอดท่านศาสดา (ศ็ลฯ) จะต้องได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้า โดยผ่านทางประกาศของท่านศาสดา
ประชาชนไม่มีสิทธิ์เลือกอิมามด้วยตนเอง
ชีอะฮ์นับว่า "อิมามะฮ์" เป็นส่วนหนึ่งของ หลักความเชื่อ (อุศูลุดดีน) เช่นเดียวกับเตาฮีด (เอกภาพของพระเจ้า) และนุบูวะฮ์ (การเป็นศาสดา) และยังมีความเชื่อว่า:
อิมามต้องมีอิศมะฮ์ด้วย(ปลอดจากบาปและความผิดพลาด)
อิมามะฮ์ต้องได้รับการแต่งตั้งชัดเจน (ตัศนีศ) โดยพระเจ้า และจำนวนนั้นจำกัดอยู่ที่ อิมาม 12 ท่านเท่านั้น
จุดยืนของซุนนีคือ: ซุนนีถือว่าอิมามะฮ์เป็นตำแหน่งทางการเมืองและการปกครองไม่ใช่ตำแหน่งทางหลักความเชื่อ
จัดเป็นฟุรูอุดดีน (สาขาศาสนา) ไม่ใช่รากฐานความศรัทธา
การเลือกผู้นำหลังจากศาสดา (ศ็อลฯ) เป็นหน้าที่ของประชาชน และสามารถตกลงร่วมกันได้ เช่นเดียวกับการเลือกผู้นำในประเทศต่าง ๆ
ความแตกต่างทางนิติศาสตร์ (ฟิกฮ์) ระหว่างชีอะฮ์และซุนนี
แม้ในหลักใหญ่ของศาสนาจะมีจุดร่วมมากมาย แต่ในรายละเอียดทางนิติศาสตร์ก็มีความแตกต่างที่น่าสนใจ เช่น:
1. วิธีการทำวุฎูอ์ (การอาบน้ำละหมาด)
ชีอะฮ์: ยึดตามคัมภีร์กุรอานที่ว่า
"وَامْسَحُوا بِرُءُوسِكُمْ وَأَرْجُلَكُمْ إِلَى الْكَعْبَيْنِ"
"และจงเช็ดศีรษะของพวกเจ้า และเท้าของพวกเจ้าถึงข้อเท้า" (ซูเราะฮ์ อัล-มาอิดะฮ์ 5:6)
จากหลักฐานข้างต้น ชีอะฮ์จึงถือว่าการ "เช็ดเท้า" เป็นสิ่งจำเป็นในวุฎูอ์
การล้างเท้าถือว่าไม่ถูกต้อง (หากไม่มีความจำเป็น)
ในขณะที่ซุนนี: ส่วนใหญ่ถือว่าการล้างเท้าเป็นสิ่งจำเป็นในวุฎูอ์ และเป็นส่วนหนึ่งของแบบแผนที่ยึดตามสิ่งที่เคาะลีฟะฮ์ที่ 3 คือ อุษมาน บิน อัฟฟาน ได้สั่งสอนในช่วงที่เขาเป็นผู้นำ
มีรายงานว่าอุษมานได้แสดงการทำวุฎูอ์ต่อผู้คนในราชสำนัก พร้อมกล่าวว่า
“ท่านศาสดา (ศ็ลฯ) ทำวุฎูอ์เช่นเดียวกับข้า”
นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความเห็นต่างในประเด็นนี้
2. การละหมาดตะรอวีหฺ์ในเดือนรอมฎอน
ชีอะฮ์: ถือว่าการละหมาดตะรอวีหฺ์ ไม่ควรทำเป็นญะมาอะฮ์ (กลุ่ม) การทำละหมาดสุนัตในเดือนรอมฎอน ควรทำ เป็นรายบุคคล
ท่านชัยคฺฏูซี หนึ่งในนักวิชาการใหญ่ของชีอะฮ์ กล่าวว่า:
“การละหมาดสุนัตในรอมฎอน หากทำเป็นญะมาอะฮ์ถือว่าเป็น บิดอะฮ์ (นวัตกรรมในศาสนา)”
ซุนนีเชื่อว่า: อาศัยรายงานจากซอเฮียะฮ์อัล-บุคอรี ที่เล่าว่า:
ในคืนหนึ่งของเดือนรอมฎอน ท่านอุมัร บิน อัล-ค็อฏฏอบเห็นผู้คนละหมาดแยกกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ
เขากล่าวว่า: “หากเรารวมพวกเขาไว้ภายใต้ผู้นำละหมาดคนเดียวคงจะดีกว่า”
เขาจึงแต่งตั้ง อบี บิน กะอับ เป็นอิหม่าม แล้วกล่าวว่า: “นี่คือบิดอะฮ์ที่ดี”
ซึ่งถือเป็นที่มาของการละหมาดตะรอวีหฺ์แบบญะมาอะฮ์ในหมู่ซุนนีจนถึงปัจจุบันที่เห็น
บทสรุปเรื่องนี้คือ:
จากที่กล่าวมาทั้งหมดความขัดแย้งระหว่างชีอะฮ์และซุนนีทั้งด้านความเชื่อและการปฏิบัติ มีรากฐานมาจากความเห็นต่างในเรื่อง อิมามะฮ์ โดยเฉพาะเรื่อง ผู้นำหลังท่านศาสดา (ศ็อลฯ)
ถึงกระนั้นความแตกต่างเหล่านี้ ไม่ควรนำไปสู่ความรุนแรงหรือการกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าอยู่นอกศาสนา เพราะทั้งสองนิกายยังคงเห็นพ้องใน หลักความเชื่อหลักของอิสลาม และยังคงเป็นพี่น้องร่วมศรัทธากันอยู่
บางครั้งผู้ที่ไม่รู้หรือผู้มีอคติ พยายามขยายความต่างให้กลายเป็นศัตรู แต่แท้จริงแล้วอิสลามสอนให้เรายอมรับความแตกต่างด้วยความเข้าใจ จึงจะอยู่ด้วยกันได้
บทความโดย เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม

