อัล-อิมามะฮ์ วัล คิลาฟะห์
อัล-อิมามะฮ์ วัล คิลาฟะห์ | الإمامة والخلافة
من المسؤول عن تعيين الإمام؟
ใครคือผู้รับผิดชอบในการแต่งตั้งอิมาม (ผู้นำ)?
━━━━━━━⊰◇⊱━━━━━━━━
♻️ ใครคือผู้รับผิดชอบในการแต่งตั้งอิมาม (ผู้นำ)?
ชาวมุสลิมบางกลุ่มในหมู่ อะฮ์ลิซซุนนะฮ์ มีความเชื่อว่า ท่านศาสดาอันทรงเกียรติ ศ็อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วาอาลิฮฺ ได้จากโลกนี้ไปโดยมิได้แต่งตั้งคอลีฟะฮ์ (ผู้สืบตำแหน่งนำ) หลังจากท่าน และพวกเขาเห็นว่าหน้าที่นี้ตกอยู่บนบ่าของบรรดามุสลิมเอง ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องเลือกผู้นำของตนผ่านวิธีการ “อิจมาอ์ของมุสลิม” (ความเป็นเอกฉันของมุสลิมทั้งมวล) โดยถือว่าเป็นหนึ่งในหลักฐานเชิงชัรอีย์ (หลักฐานศาสนา)
พวกเขาเสริมว่า นี่คือสิ่งที่ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว โดยที่คอลีฟะฮ์องค์แรกถูกเลือกขึ้นมาด้วย เอกฉันของประชาชาติ (อุมมะฮ์)
จากนั้น คอลีฟะฮ์ท่านแรกก็ได้แต่งตั้งคอลีฟะฮ์องค์ที่สอง
ต่อมา คอลีฟะฮ์ท่านที่สองได้กำหนดให้มี ชูรอ (การปรึกษาหารือ) ประกอบด้วย 6 บุคคล เพื่อเลือกหนึ่งในพวกเขา ได้แก่:
อะลี อ.
อุษมาน
อับดุรเราะฮ์มาน อิบนิ เอาฟ
ฏ็อลฮะฮ์
อัซซุบัยรฺ
สะอฺด์ อิบนุ อบีวะกอศ
คอลีฟะฮ์ท่านที่สองได้ตั้งเงื่อนไขว่า หากชูรอแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย (3 ต่อ 3) ฝ่ายที่มี อับดุรเราะฮ์มาน อิบนิ เอาฟ (ซึ่งเป็นเขยของอุษมาน) จะเป็นผู้มีสิทธิ์ตัดสินเลือกคอลีฟะฮ์ และนั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง โดยเสียงข้างมาก ได้แก่ สะอฺด์ อิบนุ อบีวักกอศ, อับดุรเราะฮ์มาน อิบนิ เอาฟ และ ฏ็อลฮะฮ์ เลือกอุษมาน
ในช่วงปลายรัชสมัยของอุษมาน ประชาชนได้ลุกขึ้นต่อต้านด้วยเหตุผลอันหลากหลาย และอุษมานก็ถูกสังหารก่อนที่เขาจะสามารถแต่งตั้งบุคคลใดหรือกำหนดชูรอขึ้นใหม่ได้
ภายหลังจากนั้น ผู้คนทั้งมวลก็หันเข้าหาอิมามอะลี อ. และได้ให้สัตยาบันแก่ท่านในฐานะคอลีฟะฮ์ของท่านศาสนทูต ศ. เว้นเพียง มุอาวียะฮ์ ซึ่งเป็นผู้ปกครองซีเรียในสมัยของอุษมาน เพราะเขามั่นใจว่าอิมามอะลี อ. จะไม่คงเขาไว้ในตำแหน่งเดิม มุอาวียะฮ์จึงชูธงแห่งการต่อต้าน และกลายเป็นต้นเหตุแห่งเหตุการณ์อันเศร้าและนองเลือดในประวัติศาสตร์ ซึ่งนำไปสู่การหลั่งโลหิตของผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก
♻️ ที่นี่เองได้ปรากฏคำถามหลายประการซึ่งจำเป็นต้องถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อส่องแสงให้แก่การวิจัยทางวิชาการและประวัติศาสตร์ โดยเราจะกล่าวถึงบางส่วน ดังนี้ :
⚜️ ๑. ประชาชาติ (อุมมะฮ์) มีสิทธิที่จะเลือกตัวแทน (คอลีฟะฮ์) ของท่านศาสนทูตหรือไม่?
การตอบคำถามนี้ไม่ใช่เรื่องยาก หากเราพิจารณา “อิมามะฮ์” ในความหมายของการปกครองภายนอกเหนือบรรดามุสลิมทั้งหลายแล้ว การเลือกผู้ปกครองโดยอาศัยความเห็นของประชาชนถือเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป
แต่หากอิมามะฮ์เป็นตำแหน่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้ง (มะนศิบ อิลาฮีย์) ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่มีผู้ใดมีสิทธิในการกำหนดตัวแทนของศาสนทูต นอกจากพระผู้เป็นเจ้าและศาสนทูตของพระองค์เอง “โดยคำสั่งจากพระเจ้า” เท่านั้น
เงื่อนไขของอิมามะฮ์ภายใต้การตีความนี้ก็คือ การมีความรู้ที่ครอบคลุมในบรรดารากฐาน (อุศูล) และสาขา (ฟุรูอ์) ทั้งหมดของศาสนา ความรู้นั้นต้องมาจากแหล่งประทานสวรรค์และตั้งอยู่บนฐานความรู้ของท่านศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะอาลิฮิ เพื่อให้สามารถรักษาศาสนาอิสลามไว้ได้
อีกเงื่อนไขหนึ่งคือ ความเป็นมะอ์ศูม (การได้รับการคุ้มครองจากพระเจ้า) คือ การได้รับการป้องกันในระดับพระเจ้าให้พ้นจากความผิดพลาดและบาปทั้งหลาย เพื่อจะได้สามารถรับผิดชอบต่อฐานะอันสูงส่งแห่งอิมามะฮ์และการนำพาประชาชาติทั้งในเชิงจิตวิญญาณ วัตถุ รูปธรรม และนามธรรม อีกทั้งยังต้องประกอบด้วยความเคร่งครัด ความสละโลก ความกล้าหาญ และความเด็ดเดี่ยว ซึ่งล้วนเป็นคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับผู้ที่จะรับภาระในตำแหน่งอันยิ่งใหญ่นี้
การจำแนกคุณลักษณะเหล่านี้ในบุคคลหนึ่งใด ไม่อาจกระทำได้เว้นแต่โดยพระผู้เป็นเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พระองค์เท่านั้นที่ทรงรอบรู้ว่าได้ประทานคุณลักษณะ “อิศมะฮ์” (ความบริสุทธิ์จากความผิด) แก่ผู้ใด และทรงรอบรู้ว่าในผู้ใดมีระดับความรู้ ความสละโลก ความกล้าหาญ และความเด็ดเดี่ยวครบถ้วนตามที่ตำแหน่งอิมามะฮ์ต้องการ
แท้จริงแล้วบรรดาผู้ที่มอบหมายการเลือกอิมามและคอลีฟะฮ์แก่ประชาชาติ ได้เปลี่ยนแปลงความหมายเชิงกุรอานของ “อิมามะฮ์” ไป โดยจำกัดให้เหลือเพียงความหมายแห่งการปกครองสามัญและการบริหารกิจการทางโลกของผู้คนเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้ว แท้จริงเงื่อนไขของอิมามะฮ์ในความหมายอันครอบคลุมและสมบูรณ์นั้น จะไม่เป็นที่รู้จักได้นอกจากผ่านพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงรอบรู้คุณลักษณะเหล่านี้เท่านั้น
ประเด็นนี้มีความคล้ายคลึงกับการเลือก “นบี” เพราะนบีไม่อาจถูกเลือกโดยประชาชนผ่านการลงคะแนนเสียง แต่เป็นพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงเลือกเขา และประชาชนก็รู้จักเขาได้ผ่านทาง “มุอ์ญิซะฮ์” (ปาฏิหาริย์) ของเขา ทั้งนี้เพราะคุณลักษณะที่จำเป็นต้องมีในตัวนบีนั้น ไม่มีผู้ใดนอกจากอัลลอฮ์ผู้ทรงเกริกเกียรติเท่านั้นที่ทรงรอบรู้
⚜️ ๒. ท่านศาสนทูตไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอดหรือ?
ศาสนาอิสลามนั้นชัดเจนว่าเป็นศาสนา สากลและอมตะ ไม่จำกัดอยู่เพียงเวลาและสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ตามที่อัลกุรอานได้ประกาศไว้
และไม่ต้องสงสัยเลยว่าในช่วงเวลาที่ท่านศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะอาลิฮิ เสียชีวิต ศาสนาอิสลามยังมิได้แพร่หลายเกินคาบสมุทรอาหรับ
ในอีกด้านหนึ่ง เราจะเห็นว่าท่านศาสนทูตใช้เวลา สิบสามปีในมักกะฮ์ ต่อสู้กับการปฏิบัติหลายเทพและการบูชารูปเคารพ และในอีกสิบปีต่อมาหลังการอพยพ (ฮิจเราะฮ์) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อิสลามเริ่มเจริญรุ่งเรือง ท่านก็ต้องเข้าร่วมสงครามและการรบต่าง ๆ ที่เกิดจากศัตรูของชาวมุสลิม
แม้ว่าท่านจะไม่ปล่อยให้เวลาช่วงใดของชีวิตผ่านไปโดยไม่ใช้เพื่อเผยแพร่คำสอนของอิสลาม และพยายามให้ผู้คนเข้าใจศาสนาใหม่นี้ในทุกมิติ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ การวิเคราะห์ประเด็นต่าง ๆ ของศาสนาอิสลามจำเป็นต้องใช้เวลา และเป็นหน้าที่ที่จำเป็นสำหรับบุคคลอย่างท่านศาสนทูตที่จะจัดเตรียมต่อเนื่องหลังจากท่าน
ยิ่งไปกว่านั้น การคาดการณ์อนาคตของประชาชาติ และการวางรากฐานเพื่อให้โรงเรียนอิสลามดำรงอยู่ต่อไป ถือเป็นสิ่งที่ทุกผู้นำจำเป็นต้องพิจารณา ไม่มีทางที่ท่านจะปล่อยเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้หลงลืม
หากเราพิจารณาในอีกมุมหนึ่ง เราจะพบว่าท่านศาสนทูตมักจะออกคำสอนเฉพาะในเรื่องเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันเป็นประจำ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่ท่านจะละเลย ประเด็นสำคัญอย่างการสืบทอดตำแหน่งผู้นำ การชี้นำ และอิมามะฮ์ โดยไม่วางแนวทางไว้เป็นพิเศษ?
ทุกมุมมองนี้ชี้อย่างชัดเจนว่า ท่านศาสนทูตไม่อาจละเลยการแต่งตั้งผู้สืบทอด นอกจากนี้ยังมีรายงานฮะดีษหลายฉบับที่สนับสนุนเรื่องนี้ ยืนยันว่าท่านศาสนทูตตลอดชีวิตไม่เคยละเลยประเด็นสำคัญนี้ แม้ว่าจะมีความพยายามทางการเมืองหลังจากท่านพยายามบิดเบือนเรื่องนี้ให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า ท่านไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอด
จะมีใครเชื่อได้ว่าท่านศาสนทูต ซึ่งไม่เคยทิ้งเมืองเป็นเวลาหลายวัน แม้กระทั่งในช่วงสงครามตุบุก จนกว่าจะได้แต่งตั้งผู้รับหน้าที่แทนท่านในระหว่างนั้น จะไม่แต่งตั้งผู้ใดสืบทอดตำแหน่งเมื่อท่านจากโลกนี้ไป และปล่อยให้ประชาชาติต้องเผชิญกับความขัดแย้ง ความวุ่นวาย และความสับสน โดยไม่รับประกันว่าอิสลามจะดำรงอยู่ต่อไปบนพื้นฐานของผู้นำและผู้ชี้นำที่เชื่อถือได้?
ไม่มีใครสงสัยได้ว่า การไม่แต่งตั้งผู้สืบทอดย่อมมีความเสี่ยงต่ออิสลามอันยังเยาว์วัย โดยสติปัญญาและตรรกะบ่งชี้ว่าประเด็นเช่นนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากนบีแห่งอิสลาม
สำหรับผู้ที่กล่าวว่าท่านมอบหมายเรื่องนี้ให้ประชาชนเลือกเอง พวกเขาจำเป็นต้องแสดงหลักฐานชัดเจนว่า ท่านศาสนทูตประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานใดที่สนับสนุนเรื่องนี้เลย
⚜️ ๓. การประชุมและการปรึกษาหารือ (อัชชูรอ)
สมมติว่าท่านศาสนทูตแห่งอิสลามละเลยเรื่องสำคัญนี้ และให้ชาวมุสลิมเป็นผู้เลือกผู้สืบทอดตำแหน่งของท่านด้วย เอกฉันท์ (อิจญ์มาอ์) แต่เราทราบดีว่า “เอกฉันท์” หมายถึง ความเห็นพ้องต้องกันของชาวมุสลิมทั้งหมด และเรายังทราบอีกว่าเอกฉันท์เช่นนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นจริงในการเลือกผู้สืบทอดคนแรก
ยกเว้นเพียงครั้งหนึ่ง ที่มีบรรดาสหายบางส่วนในเมืองมะดีนะฮ์มารวมตัวกันเพื่อตัดสินใจเรื่องนี้ แม้ว่าผู้คนในดินแดนอื่น ๆ ของอิสลามไม่ได้มีส่วนร่วมในการประชุมหรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ เลย และแม้แต่ในเมืองมะดีนะฮ์เองก็มีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม เช่น อิมามอะลี อ. และบรรดาครอบครัวฮะชีม ดังนั้น เอกฉันท์เช่นนี้จึงไม่อาจยอมรับได้
ต่อมา หากวิธีการนี้ถือเป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุด ทำไมผู้สืบทอดคนแรกจึงไม่ใช้วิธีนี้ในการเลือกผู้สืบทอดของตน? ทำไมเขาจึงแต่งตั้งผู้สืบทอดด้วยตนเอง? หากอนุญาตให้บุคคลหนึ่งแต่งตั้งผู้สืบทอดได้ ท่านศาสนทูต ศ. ย่อมมีสิทธิ์เหนือใครทั้งหมด และหากการให้สัญญาณแห่งความเห็นชอบของประชาชน (อัลบัยอะฮ์) หลังการแต่งตั้งช่วยแก้ปัญหาได้ เรื่องนี้ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน และย่อมดีกว่าสำหรับท่านศาสนทูต
นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่สามในกรณีของผู้สืบทอดคนที่สาม คือ ทำไมผู้สืบทอดคนที่สองจึงละเมิดวิธีการที่ผู้สืบทอดคนแรกใช้ในการเลือกผู้สืบทอดของเขาเอง และทำลายประเพณีที่นำเขาสู่ตำแหน่งผู้นำ กล่าวคือเขาไม่ได้ยึดตามเอกฉันท์หรือการแต่งตั้งส่วนบุคคล แต่กลับใช้ สภาปรึกษาหารือ (ชูรอ)
ถ้าหากวิธีการ “ชูรอ” เป็นวิธีที่ถูกต้อง ทำไมจึงจำกัดอยู่เพียงบุคคลหกคนเท่านั้น และยอมรับความเห็นของเพียงสามในหกคน?
นี่คือคำถามที่นักวิจัยและผู้ตรวจสอบประวัติศาสตร์อิสลามต้องตั้งขึ้น เมื่อปล่อยคำถามเหล่านี้โดยไม่มีคำตอบก็แสดงว่า วิธีการเหล่านี้ไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุดในการแต่งตั้งผู้นำ—คอลิฟะห์
⚜️ ๔. อิมามอะลี อ. ผู้เหมาะสมที่สุด
สมมติว่าท่านศาสนทูตแห่งอิสลาม (ศ.) ไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอดหลังท่าน และสมมติว่าการเลือกผู้สืบทอดขึ้นอยู่กับประชาชนเอง แล้วเราสามารถเลือก ผู้ที่มีความรู้และความชอบธรรมต่ำกว่า และด้อยกว่าผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ แทนผู้ที่เหมาะสมที่สุดได้หรือไม่?
นักวิชาการอิสลามหลายท่าน รวมทั้งนักวิชาการฝั่งอะฮ์ลุซซุนนะฮ์เอง ก็ยืนยันว่า อิมามอะลี อ. เป็นผู้มีความรู้ด้านศาสนาอิสลามมากที่สุด ผลงานและร่องรอยของท่านยืนยันข้อเท็จจริงนี้ ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ท่านเป็น ที่พึ่งของประชาชาติเมื่อเผชิญปัญหาทางวิชาการ และแม้แต่ผู้ปกครองคนอื่น ๆ ก็เคยปรึกษาท่านเมื่อพบปัญหาศาสนาที่ซับซ้อน
ในด้านความกล้าหาญ ความยำเกรงพระผู้เป็นเจ้า การละวางโลกียะ และคุณสมบัติเด่นอื่น ๆ อิมามอะลี อ. อยู่ใน ระดับสูงสุดเหนือผู้อื่น
ดังนั้น หากสมมติว่าการเลือกผู้สืบทอดขึ้นอยู่กับประชาชน อิมามอะลี (อ.) คือผู้ที่สมควรและเหมาะสมที่สุด ที่จะได้รับตำแหน่งนี้
(แน่นอนว่ามีหลักฐานและสายรายงานอีกมากมายที่สนับสนุนเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถระบุทั้งหมดในบทสรุปย่อเช่นนี้ได้)
━━━━━━━⊰◇⊱━━━━━━━━
แบบทดสอบบทเรียนที่ ๓๘
⚜️ ตอนที่ ๑: ปรนัย (Multiple Choice)
เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด
๑. ใครคือผู้มีสิทธิ์แต่งตั้งอิมามในความหมายตามอิสลาม (มันศุบอิลาฮีย์)?
a) ประชาชนทั้งหมด
b) คอลีฟะฮ์องค์ก่อนหน้า
c) ท่านศาสนทูตโดยคำสั่งจากพระเจ้า
d) สภาปรึกษาหารือ (ชูรอ)
๒. ข้อใดเป็นคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับอิมามะฮ์ที่แท้จริง?
a) มีความรู้เชิงศาสนาครอบคลุมทุกด้าน
b) มีความบริสุทธิ์จากความผิด (มะอ์ศูม)
c) ความเด็ดเดี่ยวและความสละโลกd) ถูกต้องทุกข้อ
๓. วิธีการเลือกคอลีฟะฮ์หลังจากท่านศาสนทูตของบางกลุ่มอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ถือว่าเป็นหลักใด?
a) การแต่งตั้งโดยพระผู้เป็นเจ้า
b) การอิจมาอ์ของมุสลิม
c) การสุ่มเลือกผู้มีคุณสมบัติ
d) การให้ผู้นำท้องถิ่นตัดสิน
⚜️ ตอนที่ ๒: อัตนัยสั้น (Short Answer)
๑. ทำไมการให้ประชาชนเลือกคอลีฟะฮ์จึงไม่สอดคล้องกับความหมายของอิมามะฮ์ในแง่การแต่งตั้งจากพระเจ้า?
๒.อธิบายความแตกต่างระหว่างการแต่งตั้งผู้สืบทอดโดยท่านศาสนทูตกับการใช้ชูรอ (การปรึกษาหารือ)
๓.ทำไมอิมามอะลี (อ.) จึงถือว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งอิมามและคอลีฟะฮ์?
⚜️ ตอนที่ ๓: คำถามเชิงวิเคราะห์ (Analytical Questions)
๑. หากประชาชนสามารถเลือกคอลีฟะฮ์เอง คุณคิดว่าจะเกิดปัญหาใดบ้างตามหลักการของอิสลาม และเหตุใด?
๒. วิเคราะห์ว่าการเลือกคอลีฟะฮ์ด้วยเอกฉันท์ในสมัยนั้น (มะดีนะฮ์) มีข้อจำกัดอย่างไร และเหตุใดจึงไม่ถือเป็นเอกฉันท์แท้จริง
๓. พิจารณาเหตุการณ์การต่อต้านอุษมานและการชูธงของมุอาวียะฮ์ คุณคิดว่าเหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการแต่งตั้งผู้สืบทอดโดยพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่ อย่างไร?
บทความโดย เชคอันศอร เหล็มปาน

