การอสัญกรรมของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รออ์ อ. และวาระสำคัญทางประวัติศาสตร์อิสลาม
การอสัญกรรมของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รออ์ อ. และวาระสำคัญทางประวัติศาสตร์อิสลาม
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจต่อการมาถึงของวันครบรอบแห่งการเป็นชะฮีด (พลีชีพ) ของท่านสตรีผู้ทรงเกียรติ ฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ อ. ตามคำกล่าวอ้างของประวัติศาสตร์ในช่วง เจ็ดสิบห้าวัน (หลังท่านศาสดาจากไป) แด่ท่านอิมามมะฮ์ดี (ขอพระเจ้าทรงเร่งการปรากฏตัวของท่าน) และมุสลิมชีอะฮ์ทั่วโลก
การอสัญกรรมของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รออ์ อ. ผู้เป็นธิดาอันทรงเกียรติของศาสดาอิสลาม ศ็อลฯ ,ภรรยาของอะมีรุลมุอ์มินีน อิมามอะลี อ. ,เป็นมารดาของหัวหน้าชายหนุ่มแห่งสรวงสวรรค์ และเป็นหัวหน้าสตรีแห่งสวรรค์
นับเป็นวาระที่ถือเป็นจุดตัดที่สำคัญยิ่งในพลวัตทางประวัติศาสตร์อิสลาม เหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งต่อกระบวนการพัฒนาของประชาคมมุสลิมและสำนักคิดชีอะฮ์ ซึ่งยังคงเป็นปมปัญหาและข้อถกเถียงเชิงวิชาการที่ได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนจากปราชญ์และนักวิจัยมาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจัยพื้นฐานแห่งการอสัญกรรมของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อ.
การสืบค้นถึงปัจจัยที่นำไปสู่การอสัญกรรมของท่านหญิงศิดดีเกาะฮ์ ฏอฮิเราะฮ์ ท่านหญิงฟาติมะห์ อัซซะรอ อ. นั้น สามารถจำแนกได้เป็นชุดของสาเหตุที่สัมพันธ์กับบริบททางการเมือง สังคม และสภาวะส่วนบุคคล ปัจจัยหลักที่ถูกระบุไว้ในรายงานทางประวัติศาสตร์ ได้แก่:
ข้อขัดแย้งในการสืบทอดอำนาจ :
ภายหลังการอสัญกรรมของท่านศาสดาอิสลาม ศ็อลฯ ได้เกิดความเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นการสืบทอดตำแหน่งผู้นำสูงสุด (เคาะลีฟะฮ์) โดยมีการรวมตัวที่สะกีเฟาะฮ์ ซึ่งผลของการประชุมนำไปสู่การสถาปนาอบูบักร์เป็นผู้นำ อันเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งเชิงหลักการ
เหตุการณ์บุกรุกเคหสถาน :
ภายหลังความขัดแย้งเรื่องการสืบทอดอำนาจ มีการระบุถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มบุคคลได้เข้าบุกรุกเคหสถานของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อ. ซึ่งมีผลให้เกิดความบอบช้ำทางกายอย่างรุนแรง และเป็นสาเหตุให้บุตรในครรภ์ต้องพลัดตก (แท้งบุตร)
ความบอบช้ำทางจิตวิญญาณและกายภาพ:
การที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อ. ยืนหยัดในการปกป้องสิทธิ์และหลักการวิลายัตของอะมีรุลมุอ์มินีน อ. และการแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการสถาปนาเคาะลีฟะฮ์ในครั้งนั้น ทำให้ท่านต้องประสบกับสภาวะแห่งความทุกข์ทรมานทั้งทางจิตใจและร่างกายอย่างต่อเนื่อง
สภาวะวิปโยคจากความสูญเสีย:
การสูญเสียบิดาผู้เป็นที่รักยิ่งและเป็นศาสดาแห่งอิสลาม ศ็อลฯ ได้ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อสภาวะทางจิตวิญญาณของท่านหญิง ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสริมที่นำไปสู่การเสื่อมถอยของพลานามัยของท่านในที่สุด
ลักษณะแห่งการอสัญกรรม
ตามที่ระบุในสายรายงานต่างๆ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อ. ได้ล้มป่วยลงอย่างหนักอันเป็นผลสืบเนื่องจากบาดแผลที่ได้รับในเหตุการณ์บุกรุกเคหสถานและการแท้งบุตร และได้อสัญกรรมในระยะเวลาไม่นานหลังจากนั้น แม้จะมีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับกำหนดการอสัญกรรมที่แน่นอนที่หลากหลายในสายรายงาน แต่โดยทั่วไปยอมรับว่าเกิดขึ้นในช่วงปีแรก ภายหลังการอสัญกรรมของท่านศาสดาอิสลาม ศ็อลฯ เพียงไม่นาน
นัยยะและผลสะท้อนจากการอสัญกรรม
การอสัญกรรมของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อ. มีนัยยะสำคัญต่อพัฒนาการของสำนักคิดชีอะฮ์และประวัติศาสตร์อิสลาม ซึ่งรวมถึง:
การเสริมความแข็งแกร่งแก่โครงสร้างของชีอะฮ์:
เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นจุดหลอมรวมทางอุดมการณ์ ซึ่งนำไปสู่การเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่รากฐานของสำนักคิดชีอะฮ์และการเพิ่มขึ้นของผู้ศรัทธาต่อท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อ.
การยกระดับการพิจารณาสถานภาพสตรี:
วาระนี้ได้กระตุ้นให้เกิดความสนใจและการใคร่ครวญที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อสถานภาพและบทบาทของสตรีในบริบทอิสลาม โดยเฉพาะในสำนักคิดชีอะฮ์
การเน้นย้ำในหลักการวิลายัตและอิมามัต:
เหตุการณ์ดังกล่าวได้ตอกย้ำถึงความสำคัญเชิงหลักการของวิลายัต (การเป็นผู้ปกครองโดยธรรม) และอิมามัต (การนำโดยอิมามผู้บริสุทธิ์) ในกระบวนทัศน์อิสลาม
การเพิ่มความตระหนักในสภาวะแห่งความทุกข์ระทมของอะฮ์ลุลบัยต์:
การอสัญกรรมของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อ. ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความทุกข์ระทม (วิสัญญีภาพ) ในประวัติศาสตร์อิสลาม ได้นำมาซึ่งความผูกพันทางอารมณ์และศรัทธาที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นของชาวชีอะฮ์ต่ออะฮ์ลุลบัยต์ อ.
ความสำคัญของการวิเคราะห์และทำความเข้าใจเชิงวิชาการ
การศึกษาและวิเคราะห์วาระการอสัญกรรมของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อ. มีความสำคัญในหลายมิติ:
การทำความเข้าใจประวัติศาสตร์อิสลามอย่างแม่นยำ:
การพิจารณาเหตุการณ์นี้ช่วยให้สามารถบรรลุถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อิสลามและเหตุการณ์ภายหลังการจากไปของท่านศาสดา ศ็อลฯ
การเสริมสร้างมิติทางศรัทธา:
การใคร่ครวญถึงชีวประวัติและการอสัญกรรมของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อ. ย่อมนำไปสู่การเสริมสร้างมิติทางศรัทธาและความเชื่อมั่นต่ออะฮ์ลุลบัยต์ อ.
• การเรียนรู้จากแบบอย่างปฏิบัติ :
การวิเคราะห์แนวทางปฏิบัติของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อ. ช่วยให้ผู้ศรัทธาสามารถยึดถือเป็นแบบอย่างและเข้าถึงแนวทางปฏิบัติของอะฮ์ลุลบัยต์ อ. ได้อย่างใกล้ชิด
บทแนะนำโดยสังเขปเกี่ยวกับท่านสตรีผู้ทรงเกียรติ ฟาฏิมะฮ์ อ.
• นาม : ฟาฏิมะฮ์
• สมญานามอันเป็นที่รู้จัก:
• ซะฮ์รอ (ผู้สุกสกาว), ศิดดีเกาะฮ์ กุบรอ (ผู้สัจจริงที่สุด), ฏอฮิเราะฮ์ (ผู้บริสุทธิ์), รอฎิยะฮ์ (ผู้ยินดี), มัรฎิยะฮ์ (ผู้เป็นที่พึงพอใจ), อินซียะฮ์ (มนุษย์), บะตู๊ล (ผู้ถือพรต) และอื่น ๆ
• ฉายานาม (กุนยะฮ์): อุมมุ อะบีฮา (มารดาของบิดาของนาง)
• บิดา: ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลฯ
• มารดา: ท่านหญิงเคาะดีญะฮ์
• วันประสูติ: วันที่ 20 เดือนยะมาดิ้ลซานี (หลังการแต่งตั้งท่านศาสดา 5 ปี)
• สถานที่ประสูติ: มักกะฮ์
• ช่วงพระชนม์ชีพ: 18 ปี
• วันเป็นชะฮีด: วันที่ 3 เดือนยะมาดิ้ลซานี หรือ วันที่ 13 เดือนยะมาดิ้ลเอาวัล ปีที่ 11 แห่งฮิจเราะฮ์ศักราช
• สถานที่ฝังร่างอันบริสุทธิ์: สถานที่ฝังร่างของท่านซะฮ์รอ อ. นั้น ยังไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่เชื่อกันว่าอยู่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งจาก 3 แห่งต่อไปนี้:
1. ข้างสุสานของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลฯ
2. สุสานบะเกี๊ยะอ์
3. บริเวณระหว่างธรรมาสน์ (มิมบัร) กับสุสานอันบริสุทธิ์ของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ในมัสยิดนะบะวีย์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนเดินทางมาสักการะ (ซิยารัต)
สถานะอันสูงส่งของท่านหญิงฟาติมะห์ ตามวจนะศักดิ์สิทธิ์
ท่านอิมามศอดิก อ. ได้กล่าวว่า:
แท้จริงอัลลอฮ์ ทรงมีพระดำรัสต่อท่านศาสดา ศ็อลฯ ว่า: 'หากไม่มีเจ้า โอ้มุฮัมมัด, เราจะไม่สร้างชั้นฟ้าทั้งหมด และหากไม่มีอะลี, เราก็จะไม่สร้างเจ้า และหากไม่มีฟาฏิมะฮ์, เราก็จะไม่สร้างเจ้าทั้งสอง‘
ท่านฟาฏิมะฮ์ อ. เป็นที่ยอมรับในหมู่มุสลิมว่าเป็น สตรีที่ประเสริฐและมีสถานะสูงสุดในโลก ในทุกยุคทุกสมัย ความเชื่อนี้มีพื้นฐานมาจากเนื้อหาในหะดีษของท่านศาสดา ศ็อลฯ ซึ่งถึงแม้ถ้อยคำจะแตกต่างกัน แต่มีสาระสำคัญที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ดังเช่นวจนะอันเป็นที่ยอมรับร่วมกันของมุสลิมทั้งชีอะฮ์และซุนนี ซึ่งท่านศาสดา ศ็อลฯ ได้กล่าวไว้ว่า: "ฟาฏิมะฮ์เป็นนายหญิงแห่งสตรีทั้งหลายในสากลโลก"
"ฟาฏิมะฮ์" ในทางภาษาหมายถึง "ผู้ถูกตัดขาด" หรือ "ผู้ถูกแยกออก" ตามหะดีษของท่านศาสดา เหตุผลในการตั้งชื่อนี้คือ: "ผู้ที่ปฏิบัติตามฟาฏิมะฮ์จะถูกตัดขาด ถูกแยกออก และรอดพ้นจากไฟนรกด้วยสาเหตุแห่งนาง
บทความโดย เชคอันศอร เหล็มปาน

