พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงปกปิดข้อบกพร่องทั้งหลาย
พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงปกปิดข้อบกพร่องทั้งหลาย
ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้กล่าวไว้ว่า:
«الْحَذَرَ الْحَذَرَ! فَوَ اللَّهِ لَقَدْ سَتَرَ، حَتّى كَأَنَّهُ قَدْ غَفَرَ»
“จงระวัง! จงระวังเถิด (ต่อพระเจ้า)! ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ พระองค์ได้ทรงปกปิดความผิดของเจ้าไว้มากเสียจนประหนึ่งว่า พระองค์ได้ทรงให้อภัยแล้ว”
(นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ สุนทรพจน์ที่ 30)
คำอธิบาย
ฮะดีษบทนี้กล่าวถึงพระนามของพระผู้เป็นเจ้าในฐานะ อัซ-ซัตตารุล-อุยูบ (ผู้ทรงปกปิดข้อบกพร่องทั้งหลาย)
เราจะกล่าวถึงแง่มุมต่างๆ ของฮะดีษนี้ และต่อจากนั้นจะพูดถึงเรื่อง การจับผิด และการแก้ไขข้อบกพร่อง
ประเด็นแรก: ความหมายของ “ผู้ทรงปกปิดข้อบกพร่องทั้งหลาย”
พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ปกปิดความผิดและข้อบกพร่องทั้งหลายของมนุษย์
คำว่า “ซัตตารุลอุยูบ” มีอยู่สองระดับ ดังนี้
1. ซัตตารุลอุยูบในการสร้างสรรค์ (تکوینی)
2. ซัตตารุลอุยูบในการกำหนดบทบัญญัติ (تشریعی)
ซัตตารุลอุยูบในการสร้างสรรค์ หมายถึง พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีข้อบกพร่องทั้งหลายที่ซ่อนเร้น เช่น ความอิจฉา ความเย่อหยิ่ง ความเห็นแก่ตัว หรือความเบี่ยงเบนทางความเชื่อ ถ้าหากมนุษย์ถูกสร้างให้สามารถมองเห็นจิตใจและนิสัยของกันและกันได้จากใบหน้าของพวกเขา ชีวิตของมนุษย์จะลำบากยิ่งนัก
แต่ด้วยความเมตตาแห่งการปกปิด พระองค์จึงทรงสร้างให้ข้อบกพร่องเหล่านี้ถูกซ่อนอยู่
ทว่าในวันกิยามัต (วันแห่งการพิพากษา) พระองค์ทรงตรัสว่า
“พวกเขาจะถูกจำแนกออกจากกันด้วยลักษณะบนใบหน้าของพวกเขา (อัลกุรอาน ซุเราะฮ์ อัลอะอ์รอฟ โองการ 49)
ซัตตารุลอุยูบในการกำหนดบทบัญญัติ หมายถึง พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้มนุษย์ไม่เปิดเผยข้อบกพร่องของผู้อื่น สั่งห้ามการนินทา การใส่ร้ายป้ายสี และการทำลายชื่อเสียงของกันและกัน
ประเด็นที่สอง: ประโยชน์ของการที่พระผู้เป็นเจ้าทรงปกปิดข้อบกพร่องทั้งหลาย มีสองประการที่สำคัญ ดังนี้
1. การรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของมนุษย์
การที่พระผู้เป็นเจ้าทรงปกปิดข้อบกพร่องของมนุษย์ ทำให้เขายังมีศักดิ์ศรีในสังคม
เมื่อมนุษย์ยังมีเกียรติอยู่ ความละอายใจจะป้องกันไม่ให้เขากระทำความผิดบาปได้อีก
ในทางตรงกันข้าม หากเขาถูกเปิดโปงว่าเป็นคนบาป เขาจะหมดความละอาย และอาจที่จะกระทำบาปต่อไปโดยที่ไม่ลังเลใดๆทั้งสิ้น ดังนั้น ศาสนาอิสลามจึงสั่งห้ามการนินทา เพราะว่า การเปิดโปงคนอื่นทำให้เขาหมดความละอายและดำดิ่งในการกระทำบาป ฉะนั้นหลักการนี้ยังใช้ได้กับการอบรมสั่งสอนบุตรหลานอีกด้วย อย่าด่าว่าหรือเหยียดหยามเด็กๆ แต่จงให้เกียรติและชี้นำพวกเขา
2. เพื่อให้การทดสอบของพระผู้เป็นเจ้ามีความหมาย
หากความผิดของมนุษย์ถูกเปิดเผยในทันที ทุกคนคงไม่กล้าที้จะทำความผิดบาป เพราะว่า เขานั้นกลัวความอับอาย แต่ทว่า การไม่กระทำบาปด้วยเหตุผลนั้น ไม่ใช่เพราะเขามีความศรัทธาในหลักธรรม ดังนั้น พระองค์จึงทรงปกปิดข้อบกพร่องทั้งหลาย เพื่อให้มนุษย์มีอิสระในการเลือกสรร และความสมบูรณ์ทางจิตวิญญาณ จะเกิดขึ้นจากการเลือกสรรที่แท้จริง
ประเด็นที่สาม อย่าใช้การปกปิดของพระผู้เป็นเจ้าเป็นข้ออ้างในการกระทำความผิดพลาด
อย่าหลงคิดว่า การที่พระองค์ยังทรงไม่ลงโทษ หมายความว่า พระองค์ทรงให้อภัยแล้ว
อาจเป็นเพียงการให้เวลาก่อนการลงโทษที่รุนแรงยิ่งกว่า
ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้เตือนว่า อย่าหลงลืมและอย่าใช้ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้ามาหลอกตัวเอง
ประเด็นที่สี่: จงสะท้อนคุณลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าในตัวของเรา
ในเมื่อพระองค์ทรงปราศจากข้อบกพร่องทั้งมวล มนุษย์ก็ควรพยายามที่จะชำระตนให้สะอาดบริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน
อย่าประจานผู้อื่น จงมีเมตตา และพยายามที่จะปกปิดข้อบกพร่องของผู้อื่น ดังที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำกับเรา
ด้วยคำอธิบายข้างต้นที่เกี่ยวกับฮะดีษบทนี้ เราจะกล่าวถึง การจับผิด และการแก้ไขข้อบกพร่องทั้งหลาย
หนึ่งในลักษณะของผู้ศรัทธา คือ การแก้ไขข้อบกพร่องทั้งหลาย
ส่วน การจับผิด ถือเป็นคุณลักษณะอันน่ารังเกียจที่ไม่ควรมีอยู่ในตัวของผู้ศรัทธา
ผู้ที่รู้จักข้อบกพร่องของตนเองและพยายามแก้ไขได้เท่านั้นที่จะบรรลุสู่ความสมบูรณ์
วิธีการรู้จักข้อบกพร่องของตนเอง
1. การตรวจสอบตนเอง (มุรอเกาะบะฮ์และมุฮาซะบะฮ์)
มนุษย์จะต้องระมัดระวังและคอยสังเกตการกระทำของตนเองในทุกวัน และเปรียบเทียบกับบุคคลทีมีศีลธรรมสูงกว่า เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาสังเกตและระมัดระวังตัวเอง จะรับรู้ถึงข้อบกพร่องของเขาและเขาสามารถที่จะแก้ไขข้อบกพร่องนั้นได้
2. การเรียนรู้จากคนที่มีมารยาทและการกระทำไม่ดี ดังคำกล่าวที่ว่า จงเรียนรู้มารยาทจากผู้ที่ไม่มีมารยาท หมายความว่าให้เขากระทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับพวกเขา
3. การคบเพื่อนที่ดี ที่กล้าตักเตือนข้อบกพร่องของเรา ดังคำกล่าวจากอิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า
“พี่น้องผู้ที่มีความรักที่สุดสำหรับฉัน คือ ผู้ที่มอบข้อบกพร่องของฉัน ให้เป็นของขวัญสำหรับฉัน”
อิมามกาซิม (อ.) ก็สอนว่า
“และจงใช้เวลาหนึ่งส่วนในแต่ละวันเพื่ออยู่กับมิตรและผู้ไว้ใจได้ ซึ่งเป็นผู้ที่ตักเตือนข้อบกพร่องของท่านด้วยความจริงใจ”
"มิตรของท่าน คือ ผู้ที่ตักเตือนท่าน"
ท่านอิมามบากิร(อ.) ได้กล่าวกับชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า ศอลิห์ ว่า เจ้าจงปฏิบัติตามบุคคลที่ทำให้เจ้าร้องไห้และหวังดีต่อเจ้า แต่อย่าได้ปฏิบัติตามบุคคลที่ทำให้เจ้าหัวเราะและไม่หวังดีต่อเจ้า
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า
“ผู้ศรัทธา คือ กระจกเงาสะท้อนของผู้ศรัทธาอีกคนหนึ่ง เขามองเห็นทั้งความดีและความชั่วของตนในอีกฝ่ายหนึ่ง”
จงปกปิดข้อบกพร่องของผู้อื่น
“ผู้ใดที่รู้ถึงความผิดของพี่น้องของตนแล้วปกปิดมันไว้ พระเจ้าจะทรงปกปิดความผิดของเขาในวันกิยามะฮ์”
ท่านอิมามบากิร (อ.) กล่าวว่า:
“เป็นวาญิบสำหรับผู้ศรัทธาเหนือผู้ศรัทธา ที่จะต้องปกปิดบาปใหญ่ของเพื่อนร่วมศรัทธาอย่างน้อยเจ็ดสิบครั้ง”
จงมองตนเองก่อนมองผู้อื่น
ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า:
“ช่างดีเสียกระไร สำหรับบุคคลที่สาละวนกับข้อบกพร่องของตน ทำให้เขาไม่มีเวลามองหาข้อบกพร่องของผู้อื่น”
และอีกคำกล่าวหนึ่งว่า
“ผู้ใดที่มองข้อบกพร่องของตน เขาจะละทิ้งข้อบกพร่องของผู้อื่น”
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า
“อย่าค้นหาความผิดบาปของผู้ศรัทธา เพราะผู้ใดกระทำเช่นนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเปิดโปงความผิดบาปของเขา ถึงแม้ว่า เขาจะซ่อนอยู่ในบ้านของตนเองก็ตาม”
อย่าดีใจกับความผิดบาปของผู้อื่น
ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า
“อย่าชื่นชมเมื่อผู้อื่นกระทำผิดบาป เพราะว่า เจ้าก็ไม่ได้ปลอดภัยจากความผิดบาปด้วยเช่นกัน”
และอีกคำกล่าวว่า
“ผู้ใดชอบจับผิดข้อบกพร่องของคนอื่น เขาก็จะถูกจับผิด ผู้ใดด่าว่าผู้อื่น เขาก็จะถูกตอบกลับด้วยเช่นกัน”
ท่านอิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า
“ผู้ชอบจับผิดผู้อื่น เสมือนแมลงวันที่ชอบเกาะอยู่บนสิ่งสกปรก มองเห็นแต่ความเสียของคนอื่นแต่ละเลยความดีของเขา”
วิธีรับมือกับผู้ชอบจับผิดผู้อื่น
อย่าสนใจคนประเภทนั้น ปล่อยให้พวกเขาเบื่อหน่ายและหยุดไปเอง
ท่านอิมามกาซิม (อ.) เคยถูกถามว่า ถ้าได้ยินข่าวไม่ดีจากคนที่ไว้ใจได้เกี่ยวกับพี่น้องศรัทธาคนหนึ่ง ควรทำอย่างไร?
ท่านอิมามตอบว่า
“จงปฏิเสธสิ่งที่หูและตาเจ้าได้ยินเกี่ยวกับพี่น้องของเจ้า แม้จะมีพยานห้าสิบคนยืนยัน แต่ถ้าเขาเองปฏิเสธ ก็จงเชื่อเขาและอย่าเผยแพร่สิ่งนั้น
เพราะผู้ที่ทำให้ความชั่วแพร่หลายในหมู่ผู้ศรัทธา จะได้รับการลงโทษอันแสนสาหัสทั้งในโลกนี้และโลกหน้า” (อ้างจากอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อันนูร โองการที่ 19)
บทความโดย เชคญะมาลุดดีน ปาทาน

