ทำไมพระเจ้าจึงไม่ได้ยินเสียงวิงวอนของฉัน ทำไมดุอาอ์จึงไม่ถูกตอบรับ?

ทำไมพระเจ้าจึงไม่ได้ยินเสียงวิงวอนของฉัน ทำไมดุอาอ์จึงไม่ถูกตอบรับ?

 

 

 

 

 

 

 

 

พระเจ้าจะไม่มีวันที่จะมองข้ามหรือมองผ่านบ่าวที่ผู้ที่มีความต้องการยังพระองค์อย่างแน่นอน และแน่นอนยิ่งทุกๆ ดุอาอ์ หรือสิ่งที่บ่าวของพระองค์วอนขอจะถูกตอบรับ  หากแต่การวิงวอนขอของเรายังพระองค์เท่านั้นที่จะเป็นเครื่องหมายหรือหลักประกันที่สำคัญที่จะทำให้เราได้รับความเมตตาและความเอื้ออาทรจากพระองค์

 

คำถาม  :  เป็นเวลาสองปีแล้วที่ฉันเฝ้าคอยการช่วยเหลือจากพระองค์โดยการวิงวอนผ่านไปยังท่านอับบาส  ให้ได้รับการช่วยเหลือในเรื่องโรคภัยไข้เจ็บของฉัน   แต่ทว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงของฉัน  มันทำให้ฉันรู้สึกสิ้นหวังจากความเมตตาของพระองค์เสียเหลือเกิน   ซึ่งความรู้สึกเยี่ยงนี้เป็นบาปอันใหญ่หลวง  ช่วยฉันหน่อย อย่าให้ฉันรู้สึกสิ้นหวังอย่างนี้  ฉันจะต้องทำอย่างไรกันเล่าที่จะทำให้พระองค์ตอบรับและให้ความช่วยเหลือฉัน

 

การรู้จักสถานภาพที่แท้จริงของโลกนี้ (โลกดุนยา) และโลกหน้า (โลกอาคิรัต) และความเข้าใจถึงความไร้ค่าของโลกดุนยาจะทำให้มนุษย์หลุดพ้นจากความยากลำบากทั้งหลายในโลกแห่งวัตถุอย่างง่ายดาย  ให้เราลองเปรียบเทียบตัวเองกับบุคคลที่เขามีความคิดว่าเนียะมัต (ความผาสุก) ทั้งหลายที่เขามีอยู่ได้มาเพราะความสามารถของพวกเขาเอง ตรงนี่อยากถามว่าจริงๆ แล้วบุคคลเหล่านั้นมีความต้องการที่จะได้สัมผัสกับพระเจ้าของเขาหรือเปล่า? พวกเขามีความจำเป็นกับการถวิลหาพระผู้เป็นเจ้าของเขาแค่ไหน? เพราะฉtนั้นแล้วพึงรู้ไว้เถิดว่าพระผู้อภิบาลทรงรักปวงบ่าวของพระองค์

 

ตามรายงาน (ริวายัต) ที่ได้ถูกบันทึกไว้  ว่าพระองค์ทรงรักและชื่นชอบที่จะฟังเสียงพร่ำวิงวอนขอ (ดุอาอ์) จากปวงบ่าวของพระองค์ และจะยกสถานภาพของเขาให้สูงขึ้น

 

พระผู้เป็นเจ้ามีความรักความเมตตากับปวงบ่าวของพระองค์ยิ่งกว่าความรักความเมตตาที่แม่คนนึงจะพึงมีให้กับลูกของเขา  พระองค์คือพระผู้ทรงเมตตายิ่งเสมอ  ผู้ทรงยุติธรรม ผู้ทรงรอบรู้  และจงเพ่งพินิจพิจารณาถึงคุณลักษณะเหล่านี้ของพระองค์ให้มากๆ   จะเป็นไปได้หรือที่พระผู้สร้างที่มีคุณลักษณะที่เหนือกว่าคำว่าสมบูรณ์แบบจะเพิกเฉยกับปวงบ่าวของพระองค์  ด้วยเหตุนี้แน่นอนยิ่งที่พระองค์จะต้องเตรียมสิ่งที่ดีกว่าเอาไว้แล้ว และด้วยการร้องเรียกและเสียงวิงวอนของท่านอันนี้แหละที่จะกลับกลายเป็นผลบุญมหาศาลยังตัวท่านเอง

 

มนุษย์ใช้ชีวิตในโลกนี้เพียงแค่ชั่วคราว  โลกที่มีขีดจำกัดและยังมีความยุ่งยากที่ซับซ้อน ดุนยาที่มีค่าเพียงแค่หยิบมือเดียว และในอัลกรุอ่านได้กล่าวเกี่ยวกับดุนยาไว้ว่า

 

ดุนยาเป็นสิ่งที่ไร้ค่าและด้อยราคา ดังนั้นความรู้สึกที่เราต้องการและอยากได้จากพระองค์หากเทียบกับปรโลกแล้วมันไม่มีราคาค่างวดอะไรเลยสักนิดเดียว  และในขณะเดียวกันพระองค์เองก็ไม่ต้องการที่จะมอบสิ่งที่ไร้ค่านี้ให้กับบ่าวของพระองค์เช่นกัน แต่พระองค์ทรงต้องการที่จะตอบแทนให้ในสิ่งที่ดีกว่าและนั่นก็คือปรโลกอันนิรันดร์  และสิ่งดีงามที่พระองค์จะทรงตอบแทนให้นั้นเหนือจินตนาการของมนุษย์อย่างเราด้วยซ้ำไป แต่ทั้งหมดนั้นก็จะต้องขึ้นอยู่ภายใต้ ฮิกมัต (ความดีงาม) และประโยชน์ภายในตัวของมันเองด้วยกับความรอบรู้ของพระองค์ที่ว่าจริงๆแล้วโลกนี้นั้นเป็นที่มาของความเย่อยิ่งผยองและบางครั้งก็เป็นต้นเหตุของการลุ่มหลงและหลงทางสำหรับมนุษย์นั่นเอง

 

ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็จงมีความหวังในความเมตตาและความดีงามจากพระองค์ และก็ต้องวิงวอนขอจากพระองค์อย่างไม่วันย่อท้อ เพราะบางครั้งพระองค์ก็ทรงพอพระทัยกับการที่จะได้เห็นบ่าวผู้ศรัทธาของพระองค์ได้งอนง้อต่อรองกับพระองค์ก่อน แล้วจะตอบรับคำวิงวอนของเขา  และจงรู้ไว้เถิดว่าในทุกๆดุอาอ์ที่ไม่มีการตอบรับหรือไม่ได้ถูกสนองตอบกับคำวิงวอนนั้นในวันแห่งปรโลกพระองค์จะทรงประทานให้แก่เขาจนกว่าเขาจะพึงพอใจ

 

เพราะฉะนั้นแล้วจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่พระองค์จะไม่สนใจกับบ่าวผู้ที่เรียกร้องยังพระองค์และทุกๆดุอาอ์ที่เขาวิงวอนขอก็จะถูกตอบรับยังพระองค์ด้วย   เสียงเรียกร้องหรือดุอาร์ที่เรามียังพระองค์ก็ยังเป็นเครื่องหมายหรือเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งที่บ่งบอกว่าพระองค์กำลังให้ความเมตตาและสนใจเราอยู่

 

ยังมีริวายัตได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า หากพระองค์ทรงต้องการที่จะหยิบยื่นสิ่งที่ดีให้กับบ่าวของพระองค์แล้ว พระองค์ก็จะประวิงเวลาในการตอบรับดุอาอ์ของเขานั้นให้ล่าช้าลง เพื่อที่ว่าพระองค์จะได้ฟังเสียงการวิงวอนของเขา  ดังนั้นจงอย่าสิ้นหวังและในขณะเดียวกันจงมีความพึงพอใจในสิ่งที่พระองค์ทรงพึงพอใจและจงทำการดุอาอ์ แล้วพระองค์จะทรงมอบสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดให้กับท่าน

 

อีกบทเรียนหนึ่งที่ควรรู้จากอายะอัลกุรอาน ความว่า  “พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำการตอบรับทุกๆ ดุอาอ์”

 

และภายใต้ความหมายของการตอบรับดุอาอ์ต่างๆ จากริวายัตแบ่งออกได้เป็น 4 ลักษณะ

1 . ดุอาอ์จะถูกตอบรับอย่างรวดเร็ว

2. บางกรณีอาจเป็นเพราะ ฮิกมะฮฺ (เหตุผลที่ดี) บางอย่างทำให้การถูกตอบรับของดุอาร์ล่าช้าลง

3. บางกรณีจะถูกตอบรับในรูปแบบแห่ง เนียะมัต (ความผาสุก) ในช่วงท้ายของชีวิต

4. และบางกรณีจะเป็นการตอบรับโดยการหักล้างกับ กัฟฟาเราะฮ์ (ค่าปรับ) จากบาปต่างๆ ของเรา

และการตอบรับดุอาอ์  ที่ค่าของมันดูจะน้อยที่สุดใน 4 ลักษณะที่ได้กล่าวมาข้างต้นก็คือดุอาอ์ที่ถูกตอบรับอย่างรวดเร็วนั่นเอง

อีกประการหนึ่งพระองค์ได้สร้างให้สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นไปตามเหตุและผลของมัน และไม่ว่าสิ่งใดๆ ก็ตามก็น่าจะเป็นไปตามเหตุและองค์ประกอบที่เหมาะสมสำหรับมัน  และอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถเป็นเหตุและปฐมบทสำหรับการงานต่างๆก็คือการขอพรและดุอาอ์จากพระผู้ทรงอภิบาล

 

เงื่อนไขต่างๆในการตอบรับดุอาอ์

 

1. การวิงวอนที่แท้จริงคือสามารถนำพาเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่านั่นก็คือเราสามารถที่จะพัฒนาความนอบน้อม  ถ่อมตนและจะต้องไม่ลืมว่าเรากำลังวิงวอนขอจากผู้ใด

2. ให้รักษาไว้ซึ่งความอ่อนน้อมถ่อมตนในการวิงวอน หากไม่เช่นนั้นการพร่ำวิงวอนจะไม่เป็นการวิงวอนที่แท้จริงอย่างเด็ดขาด

3. มีความหวังว่าสิ่งที่ขอจะถูกตอบรับแน่นอน

4. จะต้องมีความรู้จักพระผู้เป็นเจ้าอย่างลึกซึ้งเพราะหากว่าเราไม่ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของพระองค์ แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าพระองค์จะมีความสามารถที่จะตอบสนองความต้องการที่เราวอนขอได้

5.จะต้องมีทัศนะคติที่ดีต่อพระผู้เป็นเจ้าเพราะได้มีริวายัตต่างๆอย่างมากมายที่เเสดงให้เห็นว่าไม่มีใครมีอุดมคติที่ดีกับพระเจ้านอกเสียจากว่าพระองค์จะทรงกระทำดีต่อเขาก่อนเขาจึงจะคิดดีต่อพระองค์เช่นเดียวกัน

6. จะต้องเป็นผู้ที่ขัดเกลาตัวเอง  และดำรงไว้ซึ่งความดี  และไม่ใช่ผู้ที่ทำลายเกียรติและศักดิ์ศึกของผู้อื่น และหากเราเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ก็จงมีความหวังในการตอบรับดุอาร์จากพระองค์

7. จะต้องมีความระมัดระวังในทุกรายละเอียด ที่จะทำให้ดุอาร์ของเราถูกตอบรับ เช่นเรื่องของการรักษาความสะอาดตามศาสนบัญญัติ  ความนอบน้อมถ่อมตน คัดสรรค์ชื่อเฉพาะในการที่จะเรียกพระองค์ รำลึกถึง เนียะมัติที่พระองค์ได้ประทานให้  ทบทวนกับบาปต่างๆ ที่ได้กระทำลงไป   พร่ำรำพันอย่างน้อย 3 ครั้งในการดุอาอ์  และต้องดุอาอ์ในที่ลับจากสายตาคน และทำการวิงวอนขอในลักษณะทั่วๆ ไปโดยที่ตอนเริ่มแรกและส่งท้ายของดุอาอ์นั้นจะต้องมีการ ศอละวาตและขอความช่วยเหลือผ่านยังบรรดาออิมมะฮฺ (อ) ผู้บริสุทธิ์

8. จะต้องไม่หวังพึ่งพาผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้น

9. ยกมือทั้งสองข้างขึ้นในลักษณะของการอ้อนวอน ซึ่งท่านศาสดาได้ปฏิบัติเช่นนั้น

10.ดุอาอ์ในเวลาเฉพาะสำหรับการดุอาอ์ ซึ่งมีตามรายงานจากริวายัตต่างๆ ว่าเหมาะสมให้ดุอาอ์ในค่ำคืน และในช่วงวันของวันศุกร์ หรือเป็นเวลาหลังจากครึ่งค่อนคืนไปแล้วของทุกๆ คืน

11. ดุอาอ์ในสถานที่เฉพาะ เช่นที่หลุมฝังศพของท่านอิม่ามฮุเซ็น (อ) และในทุ่งอารอฟะฮ์

 

ขอขอบคุณเว็บไซต์อะฮ์ลุลบัยต์อะคาเดมี