เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ลัยละตุลก็อดรฺ (รัตติกาลแห่งอานุภาพ) ตอนที่ 1

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ลัยละตุลก็อดรฺ (รัตติกาลแห่งอานุภาพ) ตอนที่ 1

โดย ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี

 

 

ค่ำคืนนี้ เป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ ที่หนึ่งคืนนั้น ประเสริฐกว่าหนึ่งพันเดือน

 

ค่ำคืนที่มีค่ามากกว่าตลอดชีวิตของมนุษย์ที่ไม่มีค่ำคืนนี้

 

ค่ำคืนที่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งเป็นคัมภีร์สุดท้ายแห่งมวลมนุษยชาติ ได้ถูกประทานลงมา คัมภีร์ที่ไม่มีความคลางแคลงและสงสัยใดๆ คัมภีร์ที่ถูกประทานลงมาเพื่อให้กับผู้ที่แสวงหาความเร้นลับและศรัทธาในนั้น

 

ค่ำคืนที่อัรรูฮ์ถูกประทานลงมา

 

ค่ำคืนที่กิจการต่างๆของมนุษยชาติจะถูกกำหนด

 

ค่ำคืนที่ถ้ามนุษย์ได้พบกับสิ่งเหล่านี้ ชีวิตของเขาจะมีแต่ความสันติ จะมีแต่สลามที่เป็นนิรันดร์

 

คํ่าคืนที่ยิ่งใหญ่และบารอกัตที่ถูกกำหนดให้การไว้อาลัยควบคู่กับการไว้ทุกข์ นับตั้งแต่ดาบที่ชั่วร้ายและอัปยศได้ฟันไปยังศรีษะที่เป็นมัคลูคที่ประเสริฐที่สุด

 

นับตั้งแต่ค่ำคืนนั้น จนกระทั่งถึงวันนี้นับเป็นพันๆปี ลัยละตุลก็อดร์อันสว่างไสว ควบคู่กับอาภรณ์สีดำเพื่อการไว้ทุกข์ไว้อาลัย สำหรับบุคคลที่มีลัยละตุลก็อดร์ที่แท้จริงนั้น เขาจะสวมใส่อาภรณ์แห่งการไว้ทุกข์ไว้อาลัยนับพันๆปี บริบทของลัยละตุลก็อดร์ได้ถูกเปลี่ยนไป นับตั้งแต่ดาบอันอัปยศได้ฟันไปยังศีรษะของท่านอะมีรุลมุอฺมินีน อะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ(อ)

 

มัคลูคที่ควรค่าต่อการค้นหาความจริง

 

มัคลูคที่เป็นฮากีกัต(แก่นแท้) ของการสร้างทุกสรรพสิ่ง

 

มัคลูคผู้รู้ความลับของพระผู้สร้าง

 

มัคลูคผู้รู้เป้าหมายของพระผู้สร้าง และเป็นหนึ่งในมัคลูกที่ปฏิบัติได้อย่างสมบูรณ์

 

จงถามฉันเถิด ก่อนที่จะไม่มีฉันให้ถาม  

 

หากถามว่า อะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ คือใคร ?

และเขาอะลี คือ มัคลูกเช่นใด?

ทำไมทุกๆคุณลักษณะอันยิ่งใหญ่ จึงถูกสำแดงอยู่ในตัวท่านด้วย

ในอดีต ค่ำคืนนี้ ท่านอะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ(อ) กำลังนอนอยู่บนเตียงหนึ่งในเมืองกูฟะฮ์ บางครั้งท่านก็ผล็อยหลับไป ด้วยกับพิษของบาดแผล แต่บางครั้งท่านก็ตื่นขึ้นมา ด้วยกับเสียงร่ำไห้ของผู้คน

ได้มีประชาชนจำนวนมากมาย ได้เข้ามาเยี่ยมดูอาการของท่าน และหนึ่งในอัครสาวกของท่าน ผู้มีนามว่า ‘เศาะศออะฮ์ บิน ซูฮาน’ (صعصعة بن صوحان) อันเป็นที่มาของฮะดีษที่น่าศึกษาค้นคว้า ทำความเข้าใจอย่างยิ่ง

ขณะที่ ‘เศาะศออะฮ์ บิน ซูฮาน’ กำลังเฝ้าอาการป่วยอยู่ข้างเตียงของท่านอิมามอะลี (อ) สักครู่หนึ่งท่านอิมามอะลี (อ) รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา และได้กล่าวว่า

 

سلوني قبل ان تفقدوني

 

“จงถามฉันมาเถิด ก่อนที่จะไม่มีฉันให้ถาม”

 

 

เมื่อ ‘เศาะศออะฮ์’ ได้ยินเช่นนั้น นับเป็นโอกาสทองที่ยิ่งใหญ่

แม้แต่ช่วงสุดท้ายของชีวิต ! ผู้ที่เป็นอะมีรุลมุอฺมินีนอย่างแท้จริง ยังให้โอกาสที่จะเปิดเผยความจริงและความลับ

กระนั้นเมื่อ ‘เศาะศออะฮ์’ได้ฟัง จึงรีบคว้าโอกาสทองอันยิ่งใหญ่นี้

ด้วยการเข้าไปใกล้ท่านอิมามอะลี(อ)พร้อมกล่าวว่า...

“เมื่อท่านอนุญาตให้ถามในสภาพเช่นนี้ ฉันก็ขออนุญาตที่จะถามท่าน”

ท่านอิมามอะลี(อ) ตอบว่า “เจ้ามีอะไรจะถาม ก็จงถามมา”

 

อิมามอะลี(อ) ประเสริฐกว่านบีอาดัม(อ)

 

สิ่งแรกที่‘เศาะศออะฮ์ บิน ซูฮาน’ ถาม คือ ระหว่างท่านกับนบีอาดัม (อ) ใครสูงส่งกว่ากัน?

เบื้องต้น ท่านอิมามได้กล่าวว่า นี่คำถามอะไรกัน เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่า มนุษย์ไม่ควรอวดตัวเอง"

แต่ครั้น ‘เศาะศออะฮ์ บิน ซูอาน’ ยังยืนยัน คำถามเดิมอีกครั้ง

ท่านอิมามอะลี(อ)จึงได้ตอบว่า ฉันประเสริฐกว่าอาดัม(อ)

เมื่อท่านอิมามอะลี(อ)บอกว่า ฉันประเสริฐกว่าเขา

‘เศาะศออะฮ์ บิน ซูอาน’ก็ได้ถามว่า ท่านประเสริฐกว่า ได้อย่างไร?

ท่านอิมามอะลี(อ) อธิบายว่า นบีอาดัม(อ)ได้สัญญากับอัลลอฮ(ซบ)ว่าจะไม่เข้าใกล้ต้นไม้หนึ่ง หลังจากที่อัลลอฮ์(ซบ)ได้อนุมัติเนียะมัตต่างๆในสรวงสวรรค์ และอาดัม(อ) ก็รับสัญญาอันนั้น แต่เขาไม่สามารถทำได้ ฉันได้ปฏิบัติแทนอาดัม(อ) โดยที่ฉันไม่ได้รับสัญญาจากอัลลอฮฺ(ซบ)”

 

ต้นไม้ที่ต้องห้าม

 

ขออธิบายประกอบสักเล็กน้อย เกี่ยวกับต้นไม้ที่อัลลอฮ์(ซบ)ได้วางพันธะสัญญากับอาดัมนั้น บรรดาอุละมาอฺ นักวิชาการอิสลามได้ให้ทัศนะต่างๆอย่างมากมาย

บางทัศนะ ระบุว่า ต้นไม้อันนั้น คือ ‘ข้าวสาลี’ แต่อาลิม อุละมาอ์บางคน ได้กล่าวขยายความว่า รวงข้าวสาลีนั้น เป็นสัญลักษณ์ ซึ่งสัญลักษณ์นี้คือ “สัญลักษณ์แห่งความสุขสบาย” เป็นสัญลักษณ์ของการใช้ประโยชน์จากดุนยาเกินความจำเป็น ปราถนาการมีความสุขมากกว่าที่อัลลอฮ (ซบ) ทรงพึงพอพระทัย ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ว่า ต้นไม้นั้น คือ อะไร?

 

เพราะเป็นเพียงการนำเสนอในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น ในการนี้ ท่านนบีอาดัม(อ) ไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ให้กับอัลลอฮ(ซบ)ได้

แต่ท่านอิมามอะลี(อ) ได้บอกว่า ฉันได้ปฏิบัติแทนอาดัม(อ) โดยที่ฉันไม่ได้รับสัญญาจากอัลลอฮฺ(ซบ) หมายความว่าอย่างไร?

ในทัศนะของอาลิมอุละมาอฺ ได้กล่าวว่า ต้นไม้ คือ สัญลักษณ์ จึงหมายความว่า ในตลอดชีวิตของท่านอิมามอะลี(อ) ท่านไม่เคยเข้าใกล้ความสุขแห่งดุนยาที่เกินความจำเป็น

แน่นอนที่สุด ในรายละเอียดนั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่ง่ายดายสำหรับมนุษย์ ที่จะปฏิบัติและเข้าใจสิ่งต่างๆเหล่านี้ ตลอดชีวิตของท่านอิมามอะลี(อ) เมื่อรู้ว่าอัลลอฮฺ(ซบ) มีพระประสงค์ที่จะเห็นมนุษย์คนหนึ่งในโลกนี้ พร้อมปฏิเสธความสุขแห่งดุนยาที่เกินความจำเป็น

ท่านอิมามอะลี(อ) จึงได้เสนอตัว ที่จะปฏิบัติพระประสงค์อันนี้ของอัลลอฮฺ(ซบ)ในสิ่งที่อาดัม(อ)ไม่สามารถปฏิบัติได้ ดังนั้น ด้วยประเด็นนี้ เราจะพบว่า ตลอดชีวิตของท่าน ดุนยาไม่เคยมีค่าอันใดต่อมหาบุรุษผู้นี้ เรื่องราวต่างๆมากมายที่สามารถพิสูจน์สัจธรรมนี้ และทุกช่วงชีวิตของท่าน ไม่ว่าในยุคสมัยที่อยู่เคียงข้างท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) หรือใช้ชีวิตร่วมเคียงคู่กับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอฮ์(อ) หรือแม้แต่ในห้วงเวลาที่ท่านดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์

 

เรื่องราวของมหาบุรุษผู้นี้ ที่พิสูจน์ได้ ในตลอดชีวิตของท่านมีเป็นพันๆเรื่องราว ที่พิสูจน์ในสิ่งที่อาดัม(อ) ทำไม่ได้ นั่นคือ เหตุผลหนึ่ง ที่ท่านไปถึงมะกอม (ตำแหน่งสถานะภาพ) ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ไม่มีใครรู้ได้ว่า ท่านอิมามอะลี(อ) นั้นอยู่ในมะกอม(สถานะภาพ)ใด เว้นแต่รอซูลุลลอฮ(ศ็อลฯ)และอัลลอฮ(ซบ.)เท่านั้นที่รอบรู้

 

เมื่อเราเข้ามาสู่ในรายละเอียดเรื่องนี้ เราจะพบเรื่องราวต่างๆ ที่อัลกุรอานได้ยืนยัน เช่น ผู้ที่บริจาคในสิ่งที่เขามีความจำเป็น ในซูเราะฮ์อัลอินซานได้ยืนยันเรื่องนี้ ในยุคที่เมืองมะดีนะฮ์เกิดความแห้งแล้งและขาดแคลน อาหารแต่ละมื้อมีความจำเป็นอย่างมาก และไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่เกินความจำเป็นในดุนยานี้ แต่ ท่านอิมามอะลี(อ)กลับสามารถบริจาคอาหารนั้นได้ ซึ่งความจริงแล้ว เกินเลยกว่าสนธิสัญญาที่นบีอาดัม(อ)ได้ทำสัญญากับอัลลอฮ(ซบ)ด้วยซ้ำไป

 

ในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งคอลิฟะฮ์ มีรายงาน และมีคำถามมากมายบันทึกว่า หลังจากที่ท่านดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์ ทำไมท่านอิมามอะลี(อ) มีถุงน้ำถุงหนึ่ง ผูกติดตัวอยู่ตลอดเวลา ได้มีการตีความต่างๆนานาว่า อาจเป็นถุงเพชร ถุงทอง จึงมีการพยายามที่จะพิสูจน์ว่าในถุงนั้นมันมีอะไรกันแน่ !

 

และเมื่อพิสูจน์กลับพบว่า ในถุงน้ำนั้น มีขนมปัง หรือแป้งทำขนมปังที่ทำมาจากข้าวบาร์เลย์ ซึ่งมันแข็งเกินกว่าที่จะกินได้ในภาวะปกติ เมื่อท่านจะรับประทาน ท่านจึงต้องแช่น้ำเอาไว้ก่อนเพื่อให้นิ่ม เมื่อถึงเวลา ท่านสามารถรับประทานได้อย่างง่ายดาย จะเห็นได้ว่า ท่านไม่ได้มีถุงเพชรถุงทองแต่อย่างใด ท่านไม่ได้ติดอยู่กับอาหาร หรือ ยึดติดอยู่กับดุนยาใดๆเลย

 

เพื่อจะพิสูจน์ให้แก่อัลลอฮฺ(ซบ)ว่าสิ่งใดพระองค์ประสงค์ พระองค์จะได้เห็นจากมนุษย์คนนี้ นั่นคือ อะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ(อ)

ในตลอดชีวิตของท่าน สำรับอาหารของท่าน จะมีเพียงสองอย่าง คือ นมกับขนมปัง หรือขนมปังกับเกลือ หรือขนมปังจิ้มกับน้ำส้มหมักเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันท่านมีความพร้อมที่จะบริจาคทุกสิ่งทุกอย่างได้

 

มีเหตุการณ์หนึ่ง ในภาวะที่เกิดความแร้นแค้นเป็นอย่างมาก ท่านได้นำเสื้อเกราะของท่านไปจำนำ เพื่อไปซื้ออาหารให้คนในครอบครัวของท่าน เนื่องจากท่านไม่ได้กลับมาที่บ้านหลายวัน เมื่อท่านกลับมาที่บ้าน ก็ได้ขออาหารจากท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รออ์ (อ)

ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ)จึงตอบว่า “ท่านไม่รู้ดอกหรือว่า บ้านหลังนี้ไม่ได้ปรุงอาหารมาหลายวันแล้ว”

ท่านอิมามตกใจเป็นอย่างมาก จึงได้เอาเสื้อเกราะของท่านไปจำนำ ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ในระหว่างทางท่านได้พบกับท่านมิกดาด อีกหนึ่งในอัครสาวกของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ) นั่งกอดเข่าอยู่ข้างทางด้วยความโศกเศร้า

อิมามจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือ?”

เมื่อได้ฟังคำตอบและทราบว่า ประสพปัญหาเช่นเดียวกันกับท่าน คือ ไม่มีทรัพย์สินเงินทองในการซื้ออาหาร

ท่านอิมามอะลี(อ) จึงได้บริจาคเงินทั้งหมดที่ได้มาจากการจำนำให้แก่มิกดาด แล้วท่านก็กลับบ้านมือเปล่า และ เมื่อถึงบ้านท่านเล่าเรื่องให้ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์อัซซะรออ์(อ)ได้รับทราบ แต่ท่านหญิงกลับดีใจเป็นอย่างยิ่ง

 

ข้อเท็จจริงเรื่องราวลักษณะเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องปกติ ที่มักเกิดขึ้นเสมอ ตลอดช่วงชีวิตของท่านอะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ(อ) ไม่ว่าท่านจะอยู่ในสถานภาพหรือตำแหน่งใดก็ตาม

 

 ขอขอบคุณห้องมหา'ลัย คมความคิด

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม