ลัยละตุลก็อดร์ (รัตติกาลแห่งอานุภาพ) ตอนที่ 2

ลัยละตุลก็อดร์ (รัตติกาลแห่งอานุภาพ) ตอนที่ 2 (วิถีแห่งความสำเร็จของอิมามอะลี)

โดย ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี

 

ท่านอิมามอะลีได้กล่าวว่า

فزت ورب الكعبة

“วันนี้ ข้าประสบความสำเร็จแล้ว โอ้พระผู้อภิบาลแห่งกะอ์บะฮฺ”

 

แขกผู้สัญจรกับขนมปังแห้ง

 

มีอยู่ครั้งหนึ่งช่วงที่ท่านอิมามอะลียังไม่ได้เป็นคอลีฟะฮ์ สมัยที่อาศัยอยู่ในเมืองมะดีนะฮ์ ท่านเคยขุดดิน ขุดบ่อ ทำสวน เพื่ออำนวยประโยชน์แก่มวลมุสลิม ครั้งนั้น มีผู้เดินทางไกลผ่านมาในบริเวณที่ท่านอิมามอะลี(อ) กำลังทำงานอยู่ จึงได้เข้ามาถามท่านว่า

 

“มีอะไรพอที่จะประทังความหิวของฉันได้บ้าง?”

 

ท่านอิมามอะลี(อ) มิได้ตอบอะไร แต่ได้เปิดสำรับของท่าน ซึ่งมีเพียงแป้งที่เป็นขนมปังแข็งเป็นอย่างมาก ท่านอิมามจึงหักแบ่งให้ผู้สัญจรนั้นส่วนหนึ่ง เมื่อรับขนมปังแล้ว แขกผู้สัญจรหยิบใส่ปากขบเคี้ยวไปหนึ่งคำ สักครู่จึงวางขนมปังลง และพยายามที่จะชวนคุยเรื่องอื่นๆ ท่านอิมามอะลี(อ) จึงรู้แล้วว่า เขาไม่สามารถที่จะกินขนมปังแบบนี้ได้ ท่านอิมามยิ้ม และกล่าวกับแขกคนนั้นว่า

 

“เจ้าจงไปในเมือง แล้วไปยังบ้านหลังนั้น อินชาอัลลอฮ์ จะมีอาหารดีๆให้ท่านได้รับประทาน”

 

บ้านที่อิมามอะลี(อ) หมายถึง คือบ้านของท่านอิมามฮะซัน อัลมุจญ์ตะบา (อ) โดยที่ชายผู้สัญจรคนนั้น ยังไม่รู้ว่า ผู้ที่กำลังทำสวน คือ อะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ(อ)

 

ต่อมา เมื่อไปบ้านของอิมามฮะซัน(อ) ท่านอิมามได้จัดสำรับอาหารอย่างดีที่สุดให้แก่แขกคนนี้ และเขาได้ทานอาหารนั้นอย่างเอร็ดอร่อย ครั้นเมื่ออิมามฮะซัน(อ)ลุกขึ้นไปในครัว หรือ ละสายตา

 

แขกคนนี้จะปาดข้าวเก็บไว้ส่วนหนึ่ง และทุกครั้งที่อิมามฮะซัน(อ)ไม่ได้สังเกต เขาก็จะรีบกอบข้าวเก็บเอาไว้ส่วนหนึ่ง

 

เมื่ออิมามฮาซัน(อ) สังเกตเห็น ดังนั้น จึงเผยยิ้มออกมาและพูดว่า

“เจ้าไม่ต้องแอบเก็บไว้หรอก เจ้าจงกินให้หมด”

 

ชายคนนั้นตอบอย่างอายๆว่า

“จริงๆแล้ว ฉันไม่ได้เก็บอาหารนี้ไว้สำหรับตัวเองหรอก แต่ฉันเห็นลุงคนหนึ่งที่ทำสวนอยู่ ฉันเห็นอาหารของเขาแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเขากินอาหารเหล่านั้นได้อย่างไร? ฉันจึงอยากจะเอาไปให้เขา”

 

เมื่ออิมามฮะซัน(อ)ได้ยินเช่นนั้น จึงกล่าวว่า

“ท่านไม่ต้องเอาอาหารไปให้ลุงคนนั้นหรอก ลุงคนนั้นชีวิตของเขาไม่เคยกินอาหารแบบนี้เลย”

 

ท่านอิมามฮะซัน(อ)รู้ว่า ที่ชายคนนี้เอ่ย หมายถึงใคร?

 

นี่คือ ชีวิตของท่านอะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ(อ)

 

ตามที่นำเรื่องเหล่านี้มาเล่าให้ฟังนั้น เพื่อเป็นตัวอย่างประกอบให้ท่านทั้งหลายได้ตระหนักว่า...

“เรา คือ ชีอะห์ของอะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ (อ) แน่นอน ถึงแม้เราไม่ถูกสั่งใช้ให้ทำแบบนั้น แต่อย่างน้อย ชีอะห์อะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ ไม่ควรจมปลักอยู่กับดุนยาที่เกินความจำเป็น”

 

นี่คือ สูตรความสำเร็จ

 

นี่คือ วิถีแห่งความสำเร็จ

 

ซึ่งท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ศ็อลฯ)ได้ยืนยัน ว่า ในโลกนี้นั้น มีมนุษย์อยู่ 2 จำพวกเท่านั้นที่ประสพความสำเร็จ คือ 'อะลีและชีอะห์ของเขา'

 

 

“ يا علي أنت وشيعتك هم الفائزون"

“โอ้อะลี!  เจ้าและชีอะฮฺของเจ้าคือผู้ประสบความสำเร็จ”

 

ฉะนั้น จะเห็นได้ว่า การใช้ชีวิต จนถึงบั้นปลายของชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย เราอย่ามองว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะนี่คือ การปฏิบัติอย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดทั้งชีวิตของท่าน และถ้าเป็นเรื่องเล็ก อัลลอฮ์(ซบ) คงจะไม่ทำสัญญากับนบีอาดัม(อ) พระองค์ทรงกริ้ว และโกรธ ถึงขั้นลดชั้นของท่าน นบีอาดัม(อ)ให้ลงมาอยู่ข้างล่าง

 

เมื่ออาดัมต้องการมีวิถีชีวิตแบบนี้ ก็ต้องลงมาอยู่เบื้องล่าง ซึ่งแน่นอนมีรายละเอียดอย่างมากมายที่เกี่ยวกับต้นไม้นั้น เพราะหนึ่งในปัญหาที่ทำให้มนุษย์ไม่สามารถใกล้ชิดกับอัลลอฮ์(ซบ)ได้ ก็คือ “อาหารการกิน รวมถึงวิถีชีวิตและการอยู่กับความสุขที่เลยเถิด การใช้ชีวิตอย่างเลยเถิดนั้น จะไม่มีวันที่จะได้พบกับอัลลอฮ์ (ซ.บ)อย่างแน่นอน”

 

และเราจะพบฮะกีกัต(สัจธรรม)นี้ในเดือนรอมฎอน ถ้าหากเราสังเกตจะเห็นอย่างชัดแจ้ง ขณะที่เรายังไม่ได้ละศีลอด เราสามารถอ่านอัล-กุรอาน อ่านดุอาอ์ มากเท่าที่จะมากได้ แต่ทันทีที่อาหารที่เราจะละศีลอดเข้าไปในร่างกาย เราจะพบว่าเราเกือบที่จะทำอะไรไม่ไหว อาหารได้ยึดเวลาของเราทั้งหมด และ อาหารได้ขโมยความใกล้ชิดระหว่างเรากับ

อัลลอฮ์(ซ.บ)ไป

 

นี่คือ สาสน์สำหรับพวกเรา จงระมัดระวังการใช้ชีวิตที่เลยเถิด วิถีชีวิตที่เลยเถิดต่างๆเหล่านี้ จะนำมาซึ่งการลืมอะไรต่างๆอย่างมากมายในชีวิตของเรา อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดโศกนาถกรรมต่างๆทางจิตวิญญาณเป็นอย่างมาก แต่อะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ(อ) สามารถเข้าถึงสัจธรรมแห่งจิตวิญญาณนี้ได้ ตั้งแต่เริ่มต้นของชีวิต จนกระทั่งถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต

(ชะฮีด)

 

 

การพินิจเรื่องราวแห่งการชะฮาดัตผ่านท่านหญิงซัยหนับ(ซ) และท่านหญิงอุมมุลกุลซูม(ซ)

 

หากเราติดตามเรื่องราวแห่งการชะฮาดัต ผ่านท่านหญิงซัยหนับ(ซ) และท่านหญิงอุมมุลกุลซูม(ซ)

 

ในค่ำคืนที่19 หรือคืนที่ 20 แห่งเดือนรอมฎอน ท่านหญิงอุมมุลกุลซูม (ซ) ได้ยกขนมปัง(นาน)และนม มาให้ท่านอิมามอะลี (อ) ท่านอิมามได้มองไปที่ใบหน้าและเหลียวกลับมองตรงไปยังอาหาร และได้กล่าวกับบุตรีสุดที่รักของท่านว่า “เจ้าไม่รู้จักพ่อของเจ้าอีกหรือ?”

 

ท่านหญิงอุมมุลกุลซูม(ซ) ผู้เป็นบุตรีสุดที่รักของท่าน ได้ตอบกลับว่า

“เห็นในชีวิตของท่านพ่อ เหน็ดเหนื่อยมามากแล้ว ในวันนี้อยากให้ท่านพ่อได้ทานอาหารอย่างอิ่มเอมครบถ้วน”

 

อิมามอะลี(อ)ได้กล่าวแย้งไปว่า “จงเอาออกไปหนึ่งอย่าง และเก็บเอาไว้หนึ่งอย่าง ฉันจะกินเพียงหนึ่งอย่างเท่านั้น”

 

ในวันนั้น ท่านหญิงอุมมุลกุลซูม(ซ)จึงได้เอาขนมปัง(นาน)ออกไป เหลือนมไว้เพียงแก้วเดียว

 

ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หลังจากที่ศรีษะของท่านถูกฟัน และนมหนึ่งแก้วนั้น ท่านยังได้แบ่งให้อิบนิมุลญิม (ฆาตกรที่สังหารท่าน) อีกด้วย

 

นี่คือ อะลี อิบนิ อะบีฏอลิบ(อ) ที่เราพยายามบอกว่า เราเป็นชีอะฮ์ของท่าน

 

ด้วยเหตุนี้เอง ท่านอิมามอะลี(อ) จึงมีความประเสริฐกว่านบีอาดัม(อ) เนื่องด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้นั่นเอง

 

ขอขอบคุณเพจห้องมหา'ลัย คมความคิด