เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ผู้ป่วยแห่งกัรบาลาอฺ (ตอนที่6)

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ผู้ป่วยแห่งกัรบาลาอฺ (ตอนที่6)

 

ชีอะฮฺ คือ สังคมแห่งวิชาการ

 

ชีอะฮฺที่แท้จริง คือ บุคคลที่ค้นหาความรู้ บุคคลที่เพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวเองตลอดเวลา ชีอะฮฺมิใช่พวกที่ใช้ชีวิตอยู่กับความโง่เขลา เราได้เริ่มมีการนำเสนอ เนื้อหาของ “นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ” ไปแล้วบางส่วน ลองเข้าไปเปิดอ่านดู บางคำพูดบางโวหารแม้จะเป็นเพียงคำพูดสั้นๆ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์ได้

 

จะเห็นได้ว่ามีมนุษย์จำนวนมาก สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งชีวิตของเขาด้วยคำพูดบางประโยคที่มีอยู่ในนะฮฺญุล บะลาเฆาะฮฺ มีมนุษย์จำนวนมากเปลี่ยนแปลงอากีดะฮฺ เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาทั้งหมด ด้วยกับบางบทดุอาอฺที่มีอยู่ในซอฮีฟะตุซซัจญาดียะฮฺของท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน(อ) เรามีคลังวิชาการถึงขนาดนี้ มีหนังสือ“ซอฮีฟะตุซซัจญาดียะฮฺ” ที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมในยุคนั้น เมื่ออิมามจะไปยังทุกสถานที่ท่านก็จะไปพูดดุอาอฺ ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานที่และเวลา เมื่อท่านไปเยี่ยมทหาร ท่านก็จะอ่านบทดุอาอฺเกี่ยวกับทหาร เพื่อทหารก็จะได้เข้าใจว่า หน้าที่ของการเป็นทหารที่แท้จริง หน้าที่ของการเป็นทหารแห่งอิสลามนั้นเป็นแบบไหน และหลังจากนั้น จึงนำมารวบรวม ดังนั้นแสดงให้เห็นว่าท่านอิมามได้ออกเดินทางอบรมสั่งสอนในทุกรูปแบบ เพื่อจะพลิกฟื้นสภาวะในยุคนั้น เพราะในยุคนั้นเป็นสภาวะที่เกือบเข้าสู่ความหายนะอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจริงๆแล้วท่านอิมามได้แสดงอัคลาคเป็นแบบอย่างโดยตรง และยังใช้วิธีการต่างๆอีกอย่างมากมาย

 

ดุอาอฺอีกบทหนึ่งเป็นการขอดุอาอฺให้กับพ่อแม่ ชื่อว่า “ดุอาอฺให้กับพ่อแม่” แต่เมื่อเราเข้าไปศึกษาในรายละเอียดของบทดุอาอฺ กลับเป็น “สิทธิของพ่อแม่” ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกจะต้องรู้ ในขณะที่พวกเราบางคน บางครั้งอยู่ด้วยกันทุกวันจนไม่รู้จักพ่อแม่ ไม่เคารพพ่อแม่ (ภาษามลายู เรียกว่า อยู่แบบ Kurang Ajar (ไม่ได้รับการสั่งสอน) อยู่แบบไม่ถึงสอน เพราะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับวิธีต่างๆ เหล่านี้ บรรดาอะอิมมะฮฺได้สั่งสอนสิ่งเหล่านี้ (สิทธิของพ่อแม่) ในบทดุอาอฺของศอฮีฟะตุซซัจญาดียะฮฺมีเรื่องราวของสิทธิของพ่อแม่ และในวิธีการปฏิบัติท่าน อิมามก็ได้แสดงแบบให้ดูอย่างครบถ้วน เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นมุสลิม และอิสลามแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างต้องสมบูรณ์

 

ยังมีบทดุอาอฺว่าด้วยการขอดุอาอฺให้กับเพื่อนบ้าน ถามว่าการใช้ชีวิตของพวกเรา เคยคิดถึงเพื่อนบ้านกันบ้างไหม ? แม้แต่คนในบ้านบางครั้งเรายังซอเล็มเขาเลย แล้วเราจะคิดถึงเพื่อนบ้านได้อย่างไร ? ฉะนั้นลองไปอ่านดูว่าบทดุอาอฺ     ดังกล่าวที่ขอให้กับเพื่อนบ้านนั้นเป็นอย่างไร

 

คืนนี้เรามารู้จักกับท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน(อ) ในมุมของวิชาการที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้ เราเคยคิดถึงไหม ? แน่นอน! ถ้าคนที่เคยดุอาอฺให้เพื่อนบ้าน และดุอาอฺให้กับเพื่อนบ้านในที่ลับได้ เราไม่ต้องถามเลยว่าในที่แจ้งเขาจะทำอะไรให้กับเพื่อนบ้านได้บ้าง ! เพราะดุอาอฺในที่ลับเราไม่ได้ขยับปากแล้วนึกในใจ และเราต้องมีความรักที่บริสุทธิ์ต่อเพื่อนบ้าน เมื่อเกิดขึ้นในหัวใจของเราแล้ว เราจึงสามารถที่จะอ่านดุอาอฺได้  แน่นอนชีวิตหลังจากดุอาอฺ ถ้าไม่มีใครละทิ้งเพื่อนบ้าน ก็จะไม่มีใครกดขี่เพื่อนบ้าน จะไม่มีใครอยู่โดยไม่ทราบข่าวว่าเพื่อนบ้านเป็นอย่างไร เพราะการอยู่แบบไม่ทราบข่าวว่าเพื่อนบ้านเป็นอย่างไรนั้น บางกรณีอาจทำให้กลายเป็นกาเฟรได้ง่ายๆเหมือนกัน

 

ตัวอย่างจากบรรดาอาเล็มอุลามาอฺ วันหนึ่งมีคนหนึ่งมาขอความช่วยเหลือจากมัรเญียะอฺท่านหนึ่ง ซึ่งท่านเป็นทั้งมัรเญียะอฺและเป็นอารีฟด้วย หลังจากสืบสวนก็ทราบว่า คนนี้บ้านอยู้ใกล้ๆกับบ้านของลูกศิษย์เอกของท่านคนหนึ่ง แต่คนๆนี้มีฐานะยากจน ต้องอดยากไม่มีอะไรจะกิน จนวันหนึ่งได้มาขอความช่วยเหลือจากท่าน เมื่อท่านทราบจึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ  ! พร้อมกับพูดว่าแถวนั้นมีลูกศิษย์ฉันอยู่ จากนั้นจึงเรียกลูกศิษย์มาถามว่า เจ้าอยู่อย่างไรถึงปล่อยให้เพื่อนบ้านไม่มีจะกิน!!! ศิษย์เอกคนนี้บอกว่า วัลลอฮ์ ! ผมไม่รู้เลย เขาได้ย้ำและตอบกลับอารีฟท่านนั้นอีกว่า วัลลอฮ์ ผมไม่รู้เลย  !

 

อารีฟท่านนั้น จึงกล่าว อัลฮัมดุลิลละฮฺ (โชคดี) ที่เจ้าไม่รู้ แต่ถ้าหากเจ้ารู้ แน่นอนเจ้าเป็นกาเฟรไปแล้ว   ความเป็นมุสลิมไม่ใช่เพียงแค่นมาซก้มๆเงยๆ เพียงอย่างเดียว ความเป็นมุสลิมจะต้องเคารพสิทธิต่างๆอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิทธิของพ่อแม่ สิทธิของเพื่อบ้าน สิทธิของคนที่อยู่ในบ้าน สิทธิของคนป่วย หรือสิทธิต่ออะไรต่อมิอะไรก็ตาม

 

ในหนังสือ“ศอฮีฟะตุซซัจญาดียะฮฺ” ของท่านอิมามซัลนุลอาบิดีน(อ) ไม่ใช่มีเพียงแต่บทดุอาอฺ แม้นแต่ในภาคปฏิบัติของท่าน ถ้าเราสามารถเข้าไปดูใน รายละเอียดทั้งหมด ในหนังสือได้มีดุอาอฺแห่งพ่อแม่ แต่ในภาคปฏิบัติก็มีแบบอย่างจากท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ)ให้ศึกษา เราจะยกภาคปฏิบัติการร่วมรับประทานอาหารของท่านอิมามกับมารดาของท่าน รายงานบันทึกว่า ทุกครั้งเมื่อได้รับประทานอาหารร่วมกับมารดาของท่าน ท่านจะไม่หยิบอาหารก่อน ท่านจะนั่งและหยิบอาหารหลังจากที่มารดาหยิบแล้วเท่านั้น เมื่อถูกถามว่าทำไม ทำอย่างนี้ ท่านตอบว่า  “ฉันไม่ต้องการที่จะไปหยิบอาหารที่มารดาของฉันตั้งใจจะหยิบ ฉันจะหยิบหลังจากที่ท่านหยิบแล้ว” และนี่คืออัคลาคในภาคปฏิบัติ นี่คือข้อปฏิบัติที่จะบอกว่า พลิกหมดทุกอย่าง ท่านมีอัคลาคต่อทุกสิ่งทุกอย่างและอีกเหตุการณ์หนึ่งในขณะที่ท่านอยู่บนเตียง ภายหลังจากวันที่ท่านโดน ยาพิษของ ฮิชาม บิน อับดุลมาลิก (ลน.) ฮะดิษนี้รายงานโดยท่านอิมามบากิร(อ) บุตรชายของท่านได้บอกว่า ในขณะที่อยู่บนเตียง อิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ได้มีคำสั่งเสียอย่างมากมาย และหนึ่งในคำสั่งเสีย ท่านได้กล่าวว่า  โอ้ลูกรักของพ่อ(อิมามบากิร(อ)) “จงระวังการเอาคืนในวันกิยามัต การเอาคืนในวัน กิยามัตนั้นมันหนักหน่วงเสียเหลือเกิน” จงรู้ไว้เถิด มันหนักหน่วงจนถึงขั้นฉันกลัวการเอาคืนจากอัลลอฮฺ(ซบ) ท่านอิมามได้ชี้ไปยังอูฐที่อยู่นอกบ้าน ซึ่งอูฐตัวนี้ฉันใช้ขี่เวลาประกอบพิธีฮัจญ์ จากมะดีนะฮฺ – มักกะฮฺ ถึง 20 ปี ลูกรู้ไหมพ่อไม่เคยตีมันแม้แต่ครั้งเดียว ขี่มาเป็น 20 ปีในการไปทำฮัจญ์ เพราะฉันไม่รู้ว่าอัลลอฮฺ(ซบ) จะเอาคืนกับฉันไหมในการเฆี่ยนอูฐ 1 ครั้ง ดังนั้นเมื่อหันมาดูตัวเรา พวกเราบางคนนึกจะด่าใครเราก็ด่า  นึกจะว่าใครเราก็ว่า  นึกจะกดขี่ใครเรากดขี่  นึกจะตบใครเราก็ตบ  นึกจะแช่งใครเราก็แช่ง  นึกจะ ฟิตนะฮฺใครเราฟิตนะฮฺ เพราะอะไร ? เพราะเราไม่รู้ว่าการเอาคืนในวันกิยามัต นั้นมันหนักหน่วงขนาดไหน ! ฉะนั้น จงรู้ไว้การกระทำที่ไม่ระมัดระวัง การพูดที่พล่อยๆอะไรต่างๆที่ออกมาจากพวกเราได้อย่างสบายๆนั้นเป็นเพราะเราไม่มีมะอฺริฟัต เป็นเพราะในวันกิยามัตเราไม่รู้ถึงการเอาคืนของอัลลอฮฺ(ซบ)

 

ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน(อ)กล่าวว่า ฉันกลัวถึงขั้นไม่กล้าตีอูฐแม้แต่ สักครั้งเดียว เพราะไมรู้ว่าอัลลอฮฺ(ซบ) จะเอาคืนกับฉันหรือไม่ในการตีอูฐ    แน่นอนคำสอนมีฮิกมะฮฺที่ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก แม้นแต่การกระทำกับสัตว์ บางครั้งก็จะถูกคิดบัญชี และการกระทำกับมนุษย์ล่ะ มันจะหนักหน่วงสักขนาดไหน ?

 

ในหมวดอัคลาคก็มีเรื่องราวต่างๆอย่างมากมาย ที่ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน(อ)นั้นพลิกฟื้นอีหม่าน พลิกฟื้นศรัทธาขึ้นมาในตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นอิมาม นอกจากนั้นท่านอิมามอยู่ในสภาวะและยุคสมัยที่ผู้ปกครองเลวที่สุดในประวัติศาสตร์ของศาสนา คอลีฟะฮฺคนแรกที่เลวที่สุดหลังจากท่านอิมามรับตำแหน่งคือ ยะซีด อิบนิ มุอาวียะฮฺ(ลน) คือ ยะซีด ลูกของ มุอาวียะฮฺ(ลน) หลังจากยะซีด(ลน) อับดุลมาลิก บิน มัรวาน(ลน) ถัดมาก็เป็น มัรวาน ฮิกัม(ลน)ซึ่งเป็นบุคคลที่นบีสาปแช่งอย่างเปิดเผย หลังจากนั้น ฮิชาม บิน อับดุลมาลิก(ลน) ซึ่งเลวที่สุดในบรรดา       คอลีฟะฮฺของ บนีอุมัยยะฮฺยิ่งกว่ายะซีด(ลน) ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ก่ออาชญากรรมในกัรบาลาอฺก็ตาม ในยุคนั้นมีความเลวทุกรูปแบบ ท่านอิมาม(อ)ก็ยังสามารถจะพลิกฟื้น นำอีมาน นำศรัทธาจนกระทั้งเกิดการเคลื่อนไหว เกิดการลบล้างการปกครองบนีอุมัยยะฮฺ คือเริ่มสั่นคลอน ทั้งหมดเหล่านี้มาจากผลงานของท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ)ทั้งสิ้น !

 

นี่คือ ดุอาอฺของท่านอิมาม ฉะนั้นมีอีกมากมายหลายวิธี จงให้ความสำคัญว่าการดำเนินชีวิต และอะไรก็ตามที่จะนำไปสู่การ ปกปักษ์พิทักษ์ศาสนานั้น ต้องทำทุกอย่าง ซึ่งเราบอกไปแล้วว่าถุงเงินถุงทองที่ท่านอิมาม ซัยนุลอาบีดีน(อ)ได้รับ ไม่ว่าจากบรรดา บนีฮาชิมที่เป็นคหบดีจำนวนหนึ่งและแม้แต่เงินของคอลีฟะฮฺ อันเป็นเงินที่ชดเชย ซึ่งมี นัยยะทางการเมืองว่าเราได้ดูแลท่านอิมาม(อ)หลังจากเหตุการณ์กัรบาลาอฺ เราได้ดูแล บนีฮาชิมเป็นอย่างดี อิมามนำเงินจำนวนหนึ่งใช้จ่ายให้กับผู้เผยแผ่สาส์นแห่งกัรบาลาอฺ ผู้อ่านมูศีบัต ผู้เล่าเรื่องราวแห่งกัรบาลาอฺทั่วราชอาณาจักรอิสลาม ส่วนอีกจำนวนหนึ่ง ท่านอิมามใช้ไปในการซื้อทาสจำนวนหนึ่ง พึ่งตระหนักว่า ในแผ่นดินอิสลามสมัยนั้น ท่าน อิมามซื้อทาสมาจำนวนหนึ่งและอุปการะเลี้ยงดูไว้ในบ้านท่าน ทำงานเพียงเล็กน้อย แต่จะใช้เวลาส่วนมากในการอบรมสั่งสอนตัรบียะฮฺ ทำความเข้าใจในแนวทางอะฮฺลุลบัยตฺ(อ)

สรุปความคือ สร้างคนที่มีความรักต่ออะฮฺลุลบัยต(อ) อย่างแท้จริง สร้างคนที่มีมะอฺริฟัตจำนวนหลายพันคน สร้างผู้สมบูรณ์มาจำนวนหลายพันคน ซึ่งบุคคลเหล่านี้เคยเป็นทาสที่อยู่กับ

ท่านอิมาม(อ) เมื่อทุกคนจบหลักสูตรแล้ว ท่านอิมามก็จะปล่อยให้ทาสเหล่านั้นเป็นอิสระ และสั่งกลับไปยังหัวเมืองต่างๆเพื่อเผยแผ่แนวทางของอะฮฺลุลบัยตฺ(อ)

 

ถอดความบทบรรยายของฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮุซัยนี

ขอขอบคุณเว็บไซต์ syedsulaiman

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม