ความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ตอนที่ 24

บทเรียนอูศูลุดดีน (รากฐานของศาสนา)


ความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ตอนที่ 24

 

 

การชะฟาอัตในวันกิยามัต

 

ประเด็นนี้แม้อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญมากนัก แต่ก็ถูกนำมาวิพากษ์เพื่อปฏิเสธความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้าหรือความเชื่อเกี่ยวกับความยุติธรรมของพระองค์อยู่เสมอ

เรื่องของชะฟาอัตในวันกิยามัตนั้น จะถือว่าขัดกันกับความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่?

ชะฟาอัต คือ การช่วยเหลือ การอนุเคราะห์ให้พ้นจากการลงโทษในวันกิยามัต เป็นการช่วยเหลือของคนกลุ่มหนึ่งไปยังคนอีกกลุ่มหนึ่ง

 

คำถาม : ประเด็นนี้ได้มีข้อโต้แย้ง ที่แสดงถึงความไม่ยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้าอย่างไรบ้าง?

 

คำตอบ : ประเด็นที่มีการมีวิพากษ์ว่า การยอมรับหรือการให้สิทธิ ในชะฟาอัต ก็คือ ให้สิทธิคนกลุ่มหนึ่งอยู่เหนือกฎหมายกระทำผิดแล้วกลับได้รับการละเว้นโทษ เพราะได้รับสิทธิบางอย่างจากการ รู้จักหรือเป็นที่รัก ของอภิสิทธิชน ซึ่งดูว่ามันขัดกับความยุติธรรม แต่ทว่าแนวทางชีอะฮ์นั้นมีความเชื่อเช่นนี้ กล่าวคือ บรรดาอะฮ์ลุลเบต(อ) ถือเป็นอภิสิทธิชน สามารถให้การช่วยเหลือผู้อื่นได้

 

กรณีนี้ เพื่อไม่ให้ขัดกับความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า จะอธิบายได้อย่างไร ?

 

คำตอบ คือ ชะฟาอัตหรือการอนุเคราะห์เป็นอีกช่องทางหนึ่งของการอภัยบาป เป็นประตูอภัยความผิดพลาดให้กับมนุษย์รอดพ้นอีกหนทางหนึ่ง

 

คำถาม : มีมนุษย์คนใดบ้างที่บอกว่าการอภัยบาป การยกโทษ เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม

 

คำตอบ : แน่นอนว่าไม่มี เพราะการอภัยบาปเป็นทางรอดพ้นหนึ่งของผู้ที่กระทำผิด

เบื้องต้น เรามาพิจารณากันว่าในโลกนี้ บุคคลประเภทใดที่กล่าวว่าการอภัยบาปเป็นเรื่องไม่ยุติธรรม เราจะพบว่า บุคคลเหล่านี้ก็คือผู้ที่ไม่ได้รับหรือไม่มีสิทธิรับการอภัย

พวกเขาไม่ได้อ้างว่าการอภัยบาปไม่ยุติธรรม แต่เป็นเพราะเขาไม่ได้รับ จึงเห็นว่ามันไม่ยุติธรรม ดังนั้น เบื้องต้นมนุษย์ทุกคนยอมรับการให้อภัย และหลักการ ชะฟาอัต(อนุเคราะห์)ในวันกิยามัตก็อยู่ในลักษณะการตอบสนองช่องทางนี้ กล่าวคือ อยู่ในลักษณะเดียวกับการอภัยบาป นั่นเอง

 

โดยหลักการแล้ว การให้อภัยของพระองค์ที่จะทำให้มนุษย์สามารถรอดพ้นจากความผิดได้ โดยไม่ต้องพึ่งการชะฟาอัตมีมากมายหลายรูปแบบ เช่น การขออภัยโทษ การเตาบัตกลับตัวกับใจ การชดใช้การชดเชยอามั้ลต่างๆที่ขาดไป เช่นเดียวกันการให้อภัยบาปของพระองค์ในวันกิยามัตก็มีหลายรูปแบบ และการชะฟาอัตเป็นการอภัยอีกรูปแบบหนึ่งในรูปแบบของความเมตตา

 

ซึ่งเหตุผลของความเมตตานั้น มาจากความรักที่มีต่อมนุษย์โดยตรงไม่ใช่มาจากเหตุผลอื่นใด ทว่านัยยะแห่งความรักความเมตตานั้นมีความแตกต่างกับการละเว้นกฎหมายในโลกนี้

ข้อแตกต่างระหว่างการชะฟาอัตกับการละเว้นกฏหมายในโลก

 

ทำไม การชะฟาอัตในรูปแบบของความเมตตา จึงมีข้อแตกต่างกับการละเว้นกฎหมายในโลกนี้?

 

ข้อสังเกต กฎหมายในโลกนี้เมื่อได้รับการละเว้น มันจะถูกตั้งข้อสงสัยในความยุติธรรมของมัน สิ่งที่ทำให้กฎหมายในโลกนี้อ่อนแอและการไม่บังคับใช้กฎหมายทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมนั้น มาจากสาเหตุสามประการด้วยกัน คือ

 

1.ทรัพย์สิน

2.พวกพ้อง

3.อำนาจ

 

สาเหตุประการที่หนึ่ง เราจะพบว่า ‘ทรัพย์สิน’ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มนุษย์พ้นความผิดได้ ซึ่งรูปแบบการทำให้พ้นผิด คือ การวิ่งเต้นด้วยการติดสินบน เพื่อล้มคดี

สาเหตุประการที่สอง ‘พวกพ้อง’ สามารถช่วยเหลือให้พ้นผิดได้

 

ตัวอย่าง: กรณี มีญาติพี่น้องเป็นบุคลากรที่ขับเคลื่อนทางด้านกฎหมาย

 

สมมุติ มีญาติเป็นอัยการ อาจเป็นโอกาสที่ทำให้มนุษย์ใช้สิ่งเหล่านี้ในการข้ามพ้นความผิดได้ จะเห็นได้ว่า การทำงานของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมของมนุษย์นั้น นอกจากต้องอาศัยความรู้ความสามารถเฉพาะแล้ว ยังต้องมีจิตสำนึกความรับผิดชอบในหน้าที่ และการใช้อำนาจอย่างสูงอีกด้วย เพราะหากขาดสิ่งเหล่านี้ ก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมในที่สุด

 

เท่าที่ผ่านมา เราจะพบว่า ปัญหาที่มนุษย์เดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ล้วนมาจากมนุษย์เอง ไม่ว่าจะเป็นเหตุเกิดจากความไม่รอบคอบในการปฏิบัติและการใช้ดุลยพินิจ บางกรณีอาจเกิดจากการขาดความชำนาญ หรือความไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ซึ่งข้อบกพร่องเหล่านี้แตกต่างจากการชะฟาอัตในรูปแบบของความเมตตา ซึ่งเป็นความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้าที่สมบูรณ์ครอบคลุมทุกรายละเอียด

 

สาเหตุประการที่สามคือ อำนาจ

 

จะเห็นว่าอำนาจเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงสถานภาพที่แตกต่างกันของมนุษย์ ดังนั้นการใช้อำนาจที่ผิดๆจึงขัดกับความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ทว่าเรื่องของอำนาจนี้ไม่เพียงทำให้มนุษย์ที่ครองอำนาจมีความพอใจและแสดงออกมาเพียงเท่านั้นแต่ผู้ไม่มีอำนาจทั้งหลายก็ยังยกย่องและเคารพบุคคลตามอำนาจที่บุคคลนั้นมีอยู่อีกด้วย ผู้ใดไม่มีอำนาจ อาจถูกเบ่งทับได้ง่าย ด้วยเหตุที่อำนาจมีความสำคัญ ในสังคมมนุษย์อำนาจจึงเป็นตัวกำหนดทำให้คนมีสถานภาพสูงต่ำ เป็นที่สรรเสริญหรือเหยียดหยาม มีความสุขความทุกข์นี้เอง อำนาจจึงเป็นสิ่งพึงปรารถนาอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์แทบทุกคน

 

เมื่อมนุษย์บางคนทำตัวลุแก่อำนาจ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ รังแกใครได้ตามใจชอบ สมมุติ เป็นทหาร ตำรวจ ยศสูงๆ อาจจะระดับนายพล นายพัน หรือมีตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเมื่อพวกเขากระทำความผิด ไม่มีใครกล้าจับ ไม่มีใครกล้าเอาเรื่อง ด้วยเหตุผลเพราะเขามีอำนาจนั่นเอง

 

ข้อแตกต่างที่เป็นข้อสังเกต

 

มนุษย์ใช้อำนาจ อ้างว่ายุติธรรมเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง ทว่าพระผู้เป็นเจ้านั้น สร้างความยุติธรรมเพื่อมนุษย์ทั้งมวล

หลังจากเราได้ทำความเข้าใจในสาระศึกษาและข้อสังเกตแล้ว จะพบว่า การชะฟาอัตในวันกิยามัต ที่บอกว่า อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญมากนักแต่มันสามารถนำมาปฏิเสธความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้าได้ บางครั้งเอาประเด็นนี้มาปฏิเสธความยุติธรรมของพระองค์ บางครั้งเอาความเชื่อเกี่ยวกับความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้ามาปฏิเสธประเด็นนี้ เป้าหมายเพื่อจะบอกว่ามันขัดกับความยุติธรรมของพระองค์นั้น จึงถือเป็นประเด็นอีกประการหนึ่งที่หลายคนอาจไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาซึ่งละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก

 

ฉะนั้น มนุษย์พึงตระหนักไว้เถิด สิ่งสามประการดังกล่าวนั้น นอกจากจะทำให้กฎหมายในโลกนี้ไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว และเช่นเดียวกันในวันกิยามัตยังถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย ดังนั้นแล้ว จงพิจารณาข้อคิดและบทเรียนอันล้ำค่าดูเถิด โดยเฉพาะเรื่องของชะฟาอัต เพราะในวันกิยามัตไม่มีใครเอาสามสิ่งนี้พาไปได้ ไม่มีใครสามารถนำสิ่งนี้ไปใช้กับอัลลอฮ(ซบ)หรือมาลาอิกะฮ์ได้ ไม่มีใครเอาเงินไปติดสินบนให้มาลาอิกะฮ์ได้ ไม่มีใครเอาพวกพ้องไปข่มเหงได้ เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่มีบทบาทต่อเรื่องชะฟาอัตเลย ซึ่งอัลกุรอานยืนยันไว้ในซูเราะฮ์ อัลบากอเราะฮ์ โองการที่ 48

 

وَاتَّقُوا يَوْمًا لَّا تَجْزِي نَفْسٌ عَن نَّفْسٍ شَيْئًا وَلَا يُقْبَلُ مِنْهَا شَفَاعَةٌ وَلَا يُؤْخَذُ مِنْهَا عَدْلٌ وَلَا هُمْ يُنصَرُونَ

 

“จงเกรงกลัววันหนึ่ง วันที่ไม่มีชีวิตใดที่สามารถปกป้องอีกชีวิตหนึ่งได้ ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือใครได้ และวันนั้นการชะฟาอัตการช่วยเหลือจะไม่ถูกยอมรับ และพระองค์ไม่รับการไถ่ถอน ทดแทนและจะไม่มีใครได้รับการช่วยเหลือ”

 

คำอธิบาย : โองการนี้ เบื้องต้นปฏิเสธชะฟาอัต(อนุเคราะห์)เช่นกัน แต่เป็นการปฏิเสธชะฟาอัตที่ขัดกับความยุติธรรม ชะฟาอัตที่ทำให้กฎหมายอ่อนแอ สิ่งที่ทำให้กฎหมายอ่อนแอนั้นมีอยู่สามประการที่ได้กล่าวไปแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถใช้ได้ในวันกิยามัต เมื่อใช้ไม่ได้แสดงว่าในวันกิยามัตไม่มีอะไรทำให้กฎหมายหมดความศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีสิ่งใดทำให้กฎหมายไม่ยุติธรรม และโองการอีกจำนวนหนึ่งที่ปฏิเสธอิทธิพลของสิ่งเหล่านี้

 

ซูเราะฮ์ อัชชุอรออ์โองการที่ 88

 

يَوْمَ لَا يَنْفَعُ مَالٌ وَلَا بَنُون

 

“ในวันกิยามัตนั้นทรัพย์สินเงินทอง ลูกๆไม่สามารถอำนวยประโยชน์ใดๆได้”

 

คำอธิบาย : ชะฟาอัตในโลกหน้าไม่ใช่แบบที่มนุษย์เข้าใจในโลกนี้ ชะฟาอัตในวันกิยามัตนั้นเป็นชะฟาอัตที่เป็นบวก และเป็นเรื่องที่ไม่ได้ขัดกับความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า เป็นการอภัยโทษอย่างหนึ่งที่มาจากความเมตตา เป็นความเมตตาที่สูงส่งกว่าความยุติธรรม ซึ่งแน่นอนว่า พระผู้เป็นเจ้าหาทางที่จะอภัยให้กับมนุษย์ในทุกรูปแบบด้วยซ้ำไป

 

ขอขอบคุณสถาบันศึกษาศาสนาอัลมะฮ์ดี